หน้าต่างมีหลากหลายประเภทและชื่อเรียก วันนี้นิทัสเราพามาดูกันดีกว่า ว่าหน้าต่างมีแบบไหนบ้าง ถ้าเราจะแบ่งได้ 3 ประเภทใหญ่ ได้แก่
- วัสดุที่นำมาทำหน้าต่าง เช่น หน้าต่างไม้ หน้าต่างกระจก-อลูมิเนียม เป็นต้น
- ลักษณะการเปิด-เปิด เช่น บานเปิด, บานสไลด์, บานยก เป็นต้น
- รูปแบบเฉพาะของชุดหน้าต่าง
แบ่งตามลักษณะการเปิด
บานตาย (เปิดไม่ได้)
บานฟิกซ์ Fixed Windows : บานกระจกที่ปิดตายไม่สามารถเปิดได้ ทำให้สามารถมองเห็นได้ แสงเข้าได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังกันน้ำรั่วซึมตามขอบกระจกได้แนบสนิท และยังไม่เกะกะกับพื้นที่ใช้สอยภายในภายนอกอีกด้วย แต่ข้อเสียของกระจกบานฟิกซ์คือ ไม่สามารถระบายอากาศได้
บานเปิดตามจุดหมุน
หน้าต่างบานเปิด Casement Windows : หน้าต่างบานเปิดเป็นหน้าต่างที่มีการใช้มากที่สุด มีให้เลือกหลายวัสดุ สามารถเปิดรับแสง และลมได้ดี ช่วยกำหนดทิศทางการระบายอากาศได้ แต่เมื่อเปิดหน้าต่างอาจส่งผลต่อพื้นที่ภายนอก เพราะจะกีดขวางทางเดินรอบตัวบ้าน ดังนั้นจึงนิยมใช้กับบ้านสองชั้นขึ้นไป
หน้าต่างบานกระทุ้ง Awning Windows: นิยมใช้ในต่างประเทศ เพื่อต้องการแสง แต่ไม่ต้องการให้สูญเสียอุณหภูมิในห้องมากนัก เหมาะกับพื้นที่ที่จำกัด สามารถระบายอากาศได้ดีตลอดเวลา มีความสูงมากกว่าความกว้าง จึงช่วยทำให้การออกแบบหลากหลายมากขึ้นอีกด้วย
หน้าต่างบานหมุน Pivoted Windows: มีทั้งการหมุนเปิดทั้งแนวตั้งและแนวนอน ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่มักจะเป็นในรูปแบบของงานออกแบบตกแต่ง เพื่อเพิ่มความน่าสนใจแปลกตา นั่นก็เพราะจุดหมุนซึ่งอยู่ตรงกลางทำให้หน้าต่างสามารถหมุนออกได้เพียง 90 องศา
หน้าต่างทิ้วแอนด์เทิร์น Tilt and Turn Windows : เป็นนวัตกรรมพิเศษของตัวบาน และกลไกลของวงกบในการเปิด ซึ่งสามารถเปิดได้แบบบานสวิงปกติ และสามารถเปิดแง้มด้านบนได้อีกด้วย มักพบในโรงแรมต่างประเทศ ทำให้สามารถเปิดรับลม และแสงได้เพื่อความปลอดภัย ตามมาด้วยราคาที่สูง ในประเทศไทยไม่เป็นที่นิยมมากนัก
หน้าต่างบานเฟี้ยม Folding Windows: เป็นการแก้ปัญหาของการกินพื้นที่ของหน้าต่างบานเปิดปกติ โดยการแบ่งตัวบานให้เป็นบานพับเป็นท่อนๆ สามารถลดพื้นที่ได้ดี สามารถเปิดได้กว้าง แต่มีข้อเสียเรื่องความแข็งแรง และราคาที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับหน้าต่างปกติทั่วไป
บานเลื่อน หรือบานสไลด์
หน้าต่างบานสไลด์ Sliding Windows: ด้วยเทคโนโลยีทางด้านวัสดุในปัจจุบันที่นิยมใช้อลูมิเนียม และกระจกเข้ามาทดแทนหน้าต่างไม้ ด้วยรูปแบบของหน้าต่างสไลด์ ที่ไม่กินเนื้อที่ในวงสวิงการเปิด เป็นที่นิยมสูงสุดในปัจจุบัน มีทั้งแบบเป็นบานฟิกซ์หนึ่งด้าน และอีกด้านสไลด์ หรือจะเป็นแบบสไลด์ทั้งสองบาน
หน้าต่างบนยก Sash Windows: เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของหน้าต่างบานสไลด์แต่จะสไลด์ขึ้นด้านบนแทน
ไม่กินเนื้อที่ในวงสวิงในการเปิด ส่วนใหญ่จะเป็นบานฟิกซ์ข้างบน และบานยกด้านล่าง มักเจอกับบ้านสไตล์ยุโรปที่ต้องการแสงสว่าง แต่ไม่ต้องการสูญเสียอุณหภูมิภายในห้อง
หน้าต่างบานเกล็ดไม้ Louvered Windows: เป็นหน้าต่างที่นิยมในแถบประเทศเมืองร้อน ต้องการอากาศถ่ายเท พลางสายตา เป็นได้ทั้งหน้าต่างบานฟิกซ์ บานเปิด และบานกระทุ้งพบในบ้านสมัยก่อน สมัยที่หน้าต่างส่วนใหญ่ยังเป็นวัสดุไม้ ในปัจจุบันจะปรับใช้เป็นช่องระบายอากาศ
หน้าต่างบานเกล็ดกระจก ปรับได้ Jalousie Windows: เป็นหน้าต่างที่นิยมมากในสมัยก่อน เพราะให้ทัศนวิสัยที่ดี ไม่เสียพื้นที่ในการเปิดปิด ระบายอากาศดี เพราะสามารถปรับหน้าต่างได้ มีหลากหลายประเภทและชื่อเรียก
รูปแบบลักษณะของชุดบานหน้าต่าง
หน้าต่างเข้ามุม Corner Window : เป็นที่นิยมกับบ้าน และคอนโดสมัยนี้ เปิดองศาการมองเห็นได้ดี แต่อาจต้องใส่ใจในเรื่องของการติดตั้งม่านเป็นพิเศษ
เบย์วินโดว์ Bay Window: หน้าต่างยื่นออกจากตัวทรงสี่เหลี่ยมคางหมู มักเห็นในบ้านสไตล์ยุโรป สามารถเปิดรับทัศนียภาพโดยรอบได้ในมุมมองที่กว้างมากขึ้น จากหน้าต่างทางด้านซ้าย-ขวาที่ตั้งอยู่ในมุมเฉียง ในเรื่องของมุมมองที่กว้างขึ้นแล้ว ยังเป็นมุมมองที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ ใกล้กับวิวภายนอกได้มากยิ่งขึ้น ทำให้แสงสามารถส่องเข้ามาในห้องได้ดีอีกด้วย
โบว์วินโดว์ Bow Windows: หน้าต่างยื่นออกจากตัวทรงโค้ง มักเห็นในบ้านสไตล์ยุโรป แต่เป็นที่สังเกตว่า ทรงของผนังโค้งก็จริงแต่ตัวกรอบของบานกระจกก็จะเป็นแผ่นตรงขนาดไม่กว้างต่อๆ กันให้เป็นตรงโค้ง และในส่วนของความหนาของผนังก็จะหนากว่าปกติ เพื่อให้มีพื้นที่ในการโค้งอีกด้วย
หน้าต่างทรงเรือนกระจก Garden Windows: หน้าต่างยื่นออกจากบ้าน และได้แสงจากหลังคากระจกด้านบน นิยมทำในบ้านสไตล์ยุโรปที่ต้องการแสงสว่างจำนวนมาก เพื่อต้องการปลูกต้นไม้ภายในที่ต้องการแสงแดด ส่งเสริมความมีชีวิตชีวาจากต้นไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนเรือนกระจกขนาดย่อมๆในบ้าน