ในการเลือกใช้ผ้าสำหรับงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดเย็บเสื้อผ้า งานตกแต่งบ้าน หรือการผลิตเฟอร์นิเจอร์ คำศัพท์เกี่ยวกับโครงสร้างและลักษณะของผ้ามีความสำคัญอย่างมาก การเข้าใจคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้สามารถเลือกใช้ผ้าได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับการใช้งาน บทความนี้จะอธิบายคำศัพท์สำคัญเกี่ยวกับผ้า ได้แก่ หน้าผ้า, หลังผ้า, ริมผ้า, หน้ากว้าง, น้ำหนัก, และส่วนประกอบของผ้า
1. หน้าผ้า (Right Side)
หน้าผ้าหมายถึงด้านของผ้าที่ถูกออกแบบมาให้เป็นด้านหลักสำหรับใช้งาน เช่น ด้านที่มีลวดลายชัดเจน สีสันสดใส หรือมีพื้นผิวที่สวยงาม หากเป็นผ้าทอ มักเป็นด้านที่มีการจัดเรียงเส้นด้ายให้มีความละเอียดสวยงาม หากเป็นผ้าพิมพ์ลาย หน้าผ้าจะเป็นด้านที่ลายพิมพ์คมชัดกว่าหลังผ้า การเลือกใช้หน้าผ้าให้ถูกต้องมีผลต่อรูปลักษณ์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
2. หลังผ้า (Wrong Side)
หลังผ้าหมายถึงด้านที่ไม่ใช่ด้านหลักของผ้า มักจะมีลักษณะที่ไม่สวยงามเท่าหน้าผ้า อาจเป็นด้านที่มีเส้นด้ายยุ่งเหยิง สีไม่ชัด หรือมีลวดลายที่จางกว่าหน้าผ้า สำหรับผ้าทอบางประเภท หลังผ้าอาจมีผิวสัมผัสที่แตกต่างจากหน้าผ้าอย่างเห็นได้ชัด เช่น ผ้ากำมะหยี่ที่ด้านหนึ่งจะมีขนละเอียด ส่วนอีกด้านจะเป็นผิวเรียบ
3. ริมผ้า (Selvage)
ริมผ้าคือขอบของผ้าที่เกิดจากกระบวนการทอหรือถักทอเพื่อป้องกันไม่ให้เส้นด้ายลุ่ยออกมา ริมผ้ามักอยู่ที่ขอบด้านยาวของผ้า และอาจมีสีหรือเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากส่วนกลางของผ้า สำหรับผ้าที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเสื้อผ้าและเครื่องตกแต่งบ้าน ริมผ้ามักจะถูกตัดออกก่อนนำไปใช้งาน เนื่องจากอาจมีเนื้อผ้าที่หนากว่าหรือมีรอยพิมพ์ข้อมูลของโรงงานผลิต

4. หน้ากว้างของผ้า (Fabric Width)
หน้ากว้างของผ้าหมายถึงความกว้างของผ้าจากริมหนึ่งไปถึงอีกริมหนึ่ง โดยทั่วไป หน้ากว้างของผ้าจะอยู่ระหว่าง 40 นิ้ว (ประมาณ 100 ซม.) และ 60 นิ้ว (ประมาณ 152 ซม.) แต่ในบางประเภทของผ้า เช่น ผ้าสำหรับทำม่านหรือผ้าหุ้มเบาะ อาจมีหน้ากว้างมากกว่านั้น การทราบหน้ากว้างของผ้ามีความสำคัญต่อการคำนวณปริมาณผ้าที่ต้องใช้ในงานตัดเย็บหรือออกแบบผลิตภัณฑ์
5. น้ำหนักของผ้า (Fabric Weight)
น้ำหนักของผ้าเป็นค่าที่บ่งบอกถึงความหนาหรือความแน่นของเส้นด้ายที่ใช้ทอ โดยทั่วไปจะวัดเป็น กรัมต่อตารางเมตร (GSM – Grams per Square Meter) น้ำหนักของผ้าส่งผลต่อความหนาและการใช้งาน เช่น
- ผ้าน้ำหนักเบา (ต่ำกว่า 150 GSM) เหมาะสำหรับเสื้อผ้าบางเบา เช่น ผ้าชีฟอง ผ้าคอตตอนบาง
- ผ้าน้ำหนักปานกลาง (150-300 GSM) ใช้ทำเสื้อผ้าแนวลำลอง ผ้าคอตตอนสำหรับเสื้อเชิ้ต ผ้ายีนส์บาง หรือผ้าโพลีเอสเตอร์สำหรับงานตกแต่ง
- ผ้าน้ำหนักมาก (มากกว่า 300 GSM) เหมาะสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ ผ้าหุ้มเบาะ ผ้ายีนส์หนา หรือผ้าสำหรับทำกระเป๋า
6. ส่วนประกอบของผ้า (Fabric Composition)
ส่วนประกอบของผ้าหมายถึงเส้นใยที่ใช้ในการผลิตผ้า ซึ่งมีผลต่อคุณสมบัติของผ้า เช่น ความนุ่ม ยืดหยุ่น ระบายอากาศ และความทนทาน ตัวอย่างของเส้นใยที่ใช้ทำผ้ามีดังนี้:
- เส้นใยธรรมชาติ (Natural Fibers) เช่น ผ้าฝ้าย (Cotton) ผ้าลินิน (Linen) ผ้าไหม (Silk) และผ้าขนสัตว์ (Wool) ซึ่งให้สัมผัสที่นุ่มสบายและระบายอากาศได้ดี
- เส้นใยสังเคราะห์ (Synthetic Fibers) เช่น โพลีเอสเตอร์ (Polyester) ไนลอน (Nylon) และอะคริลิก (Acrylic) ซึ่งมีความทนทานสูงและดูแลรักษาง่าย
- เส้นใยผสม (Blended Fibers) เป็นการผสมเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ดีขึ้น เช่น ผ้าคอตตอนผสมโพลีเอสเตอร์ ที่มีทั้งความนุ่มและความทนทานในเวลาเดียวกัน
ความเข้าใจเกี่ยวกับคำศัพท์พื้นฐานของผ้า เช่น หน้าผ้า, หลังผ้า, ริมผ้า, หน้ากว้าง, น้ำหนัก และส่วนประกอบของผ้า จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกผ้าได้อย่างเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการตัดเย็บเสื้อผ้า การตกแต่งภายใน หรือการผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอ การเลือกผ้าให้ถูกต้องนอกจากจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานของผ้านั้น ๆ อีกด้วย