NITAS SHOWROOM













































Mi Casa (มิ คาซ่า): Upholstery Collection
Ma Maison (มา เมซอง): Upholstery Collection
Mon Manoir (มง มานัว) Upholstery Collection
“น้องนอนไม่หลับ หัวใจมันกระสับกระส่าย..” ถ้าให้พูดถึงอาการนอนไม่หลับ คงเป็นปัญหาสำหรับคนยุคใหม่ ที่ต้องต่อสู้กับภาวะความเครียดในชีวิต วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าปัจจัยที่ทำให้เรานอนไม่หลับนั้นมีอะไรบ้าง และการเปลี่ยนผ้าม่านในห้องนอนนั้นจะสามารถช่วยได้มากน้อยเพียงใด
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เราสามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้นคือ แสงสว่าง แสงเป็นตัวกระตุ้น อารมณ์ ความรู้สึกตามธรรมชาติของมนุษย์ซึ่งพื้นฐานอยู่แล้ว ฉะนั้น การเลือกผ้าม่าน ที่มีคุณลักษณะสามารถกันแสง อย่างผ้าม่านกันแสง Dim-Out ที่กันแสงได้ประมาณ 85% หรือจะเป็นผ้าม่านทึบแสง Blackout ที่สามารถกันแสงได้ 100% ก็ตาม จะช่วยให้ห้องมีความมืดสนิท เหมาะสำหรับคนที่ต้องการนอนยาวๆ เช่น ม่านในโรงแรม หรือคนที่ทำงานไม่เป็นเวลา สลับช่วงเวลานอน เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ เราไม่ควรปิดผ้าม่านทึบมืดสนิทตลอดเวลา มันจะเป็นการรบกวนระบบ กลไก ตามปกติของมนุษย์ที่จะรับรู้การตื่นตามแสงสว่าง เป็นนาฬิกาธรรมชาติของมนุษย์ที่จะตื่นยามพระอาทิตย์ขึ้น และนอนในช่วงพระอาทิตย์ตก และผู้ที่หลับยากในเวลากลางคืนก็ไม่ควรนอนกลางวัน เพราะจะเป็นการรบกวนระบบนาฬิกาชีวิตดังกล่าว
อีกอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับการนอน เราไม่ควรเล่นโทรศัพท์ก่อนนอน เพราะแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา และยังเป็นการกระตุ้นสมองให้คิด ตลอดเวลาอีกด้วย ลองหากิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคทำดู เช่น การอ่านหนังสือ และการที่เราทำอะไรซ้ำๆ ก่อนการนอนเป็นประจำๆ สมองจะเกิดกลไกจดจำ และที่จะเรียนรู้ว่า เมื่อเราทำสิ่งนี้ และขั้นต่อไปคือการนอน สมองจะเริ่มจดจำขั้นตอนดังกล่าวไว้ ซึ่งจะสังเกตุได้ว่าคนจำนวนมาก เมื่ออ่านหนังสือก่อนนอนเป็นประจำ จนเคยชิน และเมื่อเราถึงเวลานอน หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเมื่อใด จะสังเกตุว่า ไม่เคยได้อ่านจบตามที่ตั้งใจไว้เลย จะหลับไปก่อนโดยไม่รู้ตัวเสมอๆ
ขอให้ทุกท่านหลับไม่ฝัน (หลับสนิท) ตลอดคืนนะครับ ^ .^
มาตรฐานการทดสอบสิ่งทอเป็นชุดของขั้นตอน วิธีการ และเกณฑ์ที่กำหนดไว้ซึ่งใช้ในการประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพของสิ่งทอ มาตรฐานเหล่านี้ได้รับการพัฒนาโดยองค์กรต่างๆ เช่น ASTM, ISO, JIS เป็นต้น
จุดประสงค์ของมาตรฐานเหล่านี้คือเพื่อให้แนวทางที่สอดคล้องและเป็นกลางในการวัดและเปรียบเทียบคุณสมบัติทางกายภาพ เคมี และการทำงานของสิ่งทอ ซึ่งครอบคลุมพารามิเตอร์ที่หลากหลาย เช่น ปริมาณเส้นใย ความแข็งแรงของเส้นด้าย น้ำหนักผ้า ความคงทนของสี ความทนทาน และอื่นๆ อีกมากมาย
คุณภาพของผลิตภัณฑ์ของเราเป็นสิ่งสำคัญ การทดสอบมาตรฐานเป็นการรับรองเพื่อแสดงคุณสมบัติด้านต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ให้ออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพ และเป็นที่ไว้วางใจ และสร้างความพึงพอใจอย่างสูงสุดให้กับผู้บริโภค ซึ่งเป็นที่น่าเชื่อถือในระดับสากล มีหลากหลายมาตรฐาน เช่น
สำหรับในประเทศไทย ก็มีสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ หรือ THTI ซึ่งให้บริการการทดสอบสิ่งทอในหลายอย่างเช่น ความคงทนของสี, การทดสอบการติดไฟ, ความสะท้อนน้ำ เป็นต้น
สำหรับเราบริษัท นิทัส เทสซิเล จำกัด บริษัทชั้นนำของประเทศที่นำเข้าผ้าเพื่อการตกแต่งที่อยู่อาศัย เพื่อการจัดจำหน่ายในประเทศ ใส่ใจในการเลือกหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานต่างๆ ในเบื่องต้นเรามาทำความรู้จักกับมาตรฐานต่างๆ ที่เราใช้อ้างอิง และปรากฎอยู่ในตัวอย่างผ้าของบริษัทกันดีกว่า
และการทดสอบมาตรฐานอื่นๆ เช่น
เคยไหมที่เวลาเราซื้อเสื้อผ้าสี เทา, กากี, น้ำตาล, สีเขียวขี้ม้า ในห้างสรรพสินค้า แล้วเรากลับถึงบ้านไปลองใส่แล้ว ทำไมเป็นอีกสีหนึ่ง หรือเมื่อเราใส่เดินออกนอกบ้านก็เห็นเป็นอีกสีหนึ่ง คำตอบคือ อุณหภูมิสีนั้นเอง เพราะหลอดไฟที่เราใช้ในบ้าน มีค่าอุณหภูมิสีที่ไม่เท่ากับห้างสรรพสินค้านั้น หรือไม่ตรงกับแสงธรรมชาติอย่างดวงอาทิตย์ก็เป็นได้
แล้วเจ้าอุณหภูมิสีคืออะไร อธิบายง่ายๆ คือ เป็นค่าที่วัดจากแสงที่ปล่อยออกมานั้นเองโดยมีหน่วยวัดเป็น เคลวิน หรือตัวย่อ K เช่น หลอดไฟ Warm White จะมีค่าอยู่ประมาณ 3,000k, หลอดไฟแสง Cool White 4,000k และ Daylight 6,000k ส่วนแสงแดด ก็จะอยู่ราวๆ 5,000-5,500k ฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เราจะเกิดการสับสนเรื่องสีเวลาเราซื้อของ
รูปทั้งสามอันจะเห็นว่า ผ้าโซฟาสีเทาอมน้ำตาลรูปซ้ายอยู่ในไฟ Warm White รูปกลางไฟ Cool White และรูปทางขวามือเป็นห้องที่อยู่ในไฟ Daylight จะเห็นได้ว่าสีของทั้งผ้า โต๊ะไม้ สีของใบไม้ รวมถึงผนังห้อง ก็จะเปลี่ยนไปตามแสงของหลอดไฟชนิดนั้นๆ
แต่สังเกตุได้ว่า เมื่อเราอยู่ห้องที่มักนิยมติดไฟแบบ Warm White (ไฟที่สีขาวอมเหลืองส้ม) เช่น ห้องนอน ซึ่งแสงโดยรวมๆ จะเป็นสีขาวอมเหลืองๆ ส้มๆ ผนังห้องสีขาวเราก็จะเห็นเป็นสีครีมๆ แต่ในสมองของเราก็จะปรับการรับรู้อัตโนมัติ White Balance บอกว่าผนังนั้นคือสีขาว ทั้งๆ ที่สีจากแสงผนังนั้นเป็นสีเหลืองๆ อมส้มก็ตาม
จากรูปเป็นลักษณะ องศาเคลวิน กับแหล่งกำเนินแสงชนิดต่างๆ ทั้งในธรรมชาติ และไฟที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น จนถึงแสงเทียน
รูปตัวอย่างจำลองให้เห็นระดับไฟ ที่มีอุณหภูมิสี ที่ต่างกัน จะเห็นเปรียบเทียมได้ว่า แม้กระทั่งผนังของห้องดังรูปเป็นสีขาว แสงที่อออกมาก็ส่งผลทำให้บรรยากาศของห้องเปลี่ยนไปตามอุณหภูสี ของแห่งกำเนินแสงที่ปล่อยออกมา ตั้งแต่องศาเคลวินน้อยๆ 1,000 จนไปถึง 10,000 เลยที่เดียว
ฉะนั้น เมื่อเราจะเลือกผ้าม่าน หรือจะเลือกสีทาห้องก็ตาม เราควรเลือกสีนั้นๆ โดยสภาพสิ่งแวดล้อมที่เหมือนกับแสงที่เราใช้ในห้องนั้นๆ เช่นถ้าจะเลือกสีผ้าห้องนอนที่ติดตั้งไฟ Warm White ก็ควรดูสีผ้าในบรรยากาศที่เป็นไฟ Warm White แต่แรก หรือ เราสามารถเลือกจากค่ากลาง เช่นแสงธรรมชาติ คือแสงอาทิตย์ เดินหยิบเล่มตัวอย่างไปเลือกริมหน้าต่างเพื่อรับแสงธรรมชาติ ก็จะง่ายที่สุด หรือเมื่อเรารู้เท่าทันแล้วว่า แสงที่ต่างกันก็จะส่งผลให้เรามองเห็นสีผ้าที่ต่าง เราจะจินตนาการเผื่อไว้ว่า ถ้าเลือกผ้าจากร้านที่เป็นหลอดไฟสีขาวๆ แต่บ้านเราเป็นไฟเหลือง เราก็อย่าเลือกผ้าที่อมไปทางเหลืองมากนัก เพราะเมื่อโดนไฟเหลืองแล้ว มันจะเหลืองไปกันใหญ่ แต่นี้เราก็สามารถเลือกสีผ้าได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลว่าสีผ้านั้นเพี๊ยน “เอ๊ะ ตอนเลือกสีมันไม่ได้เป็นแบบนี้นี้นะ” คำพูดนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกันคุณอีกต่อไป
คำนี้คงไม่ได้กล่าวเกินไปนักสำหรับ คุณแม่บ้านที่รักบ้าน หรือมีลูกน้อย ฝุ่นเป็นปัญหากวนใจที่เราต้องกำจัดไปให้พ้นสายตา ฝุ่นนั้นเป็นอะไรที่ล่องลอยมาตามสายลม ฉะนั้นการที่ห้องจะมีฝุ่นน้อยได้ จำเป็นต้องเป็นห้องที่เป็นห้องที่อากาศปิดก่อนเป็นอันดับแรก ก็คือห้องที่เราเปิดแอร์กันเป็นปกตินี้เองจะ
ม่านเป็นพื้นที่ใหญ่พอสมควร และเป็นพื้นที่มีโอกาสรับฝุ่นมากเช่นกัน
เหนืออื่นได้สไตล์การตกแต่งห้อง เป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดสไตล์ที่ส่งผลถึงภาพลักษณ์ของเจ้าของห้องนั้นๆ ไม่ว่าผ้าม่านนั้นจะเป็นที่ลักษณะอย่างไร ในปัจจุบันส่วนใหญ่เราก็อาศัยอยู่ในห้องแอร์ กันโดยส่วนใหญ่กันอยู่แล้ว ฉะนั้นเรื่องปัญหาฝุ่นที่จะมาเกาะติดกับผ้าม่านนั้นก็เป็นส่วนน้อย ยิ่งถ้าม่านนั้นเป็นม่านที่ใช้งานจริง มีการเปิด-ปิด เคลื่อนไหวอยู่ ตลอดโอกาสการเกาะของฝุ่นก็ลดน้อยลงตามลำดับ
วันนี้เรามาดูกันว่า กว่าที่เราจะเลือกผ้าม่านในแต่ละครั้งนั้น ต้องมีขั้นตอน อะไรบ้าง