fbpx

CATHERINE Collection

เล่มตัวอย่างผ้า สำหรับลูกค้าตัวแทนจำหน่าย ที่ต้องการมีไว้เพื่อการนำเสนอลูกค้า
ติดต่อรับได้ที่ ฝ่ายขายประจำพื้นที่ หรือทาง Line
แจ้งขอรับได้ตั้งแต่ วันนี้ – จนกว่าเล่มตัวอย่างจะหมด

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็คราคาอัพเดท ก่อนสั่งทุกครั้ง

A 100 NEUTRAL TONE Collection

เล่มตัวอย่างผ้า สำหรับลูกค้าตัวแทนจำหน่าย ที่ต้องการมีไว้เพื่อการนำเสนอลูกค้า
ติดต่อรับได้ที่ ฝ่ายขายประจำพื้นที่ หรือทาง Line
แจ้งขอรับได้ตั้งแต่ วันนี้ – จนกว่าเล่มตัวอย่างจะหมด

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็คราคาอัพเดท ก่อนสั่งทุกครั้ง

50 SHADES UPS Series

Upholstery ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์

Fifty shades of brown

Fifty shades of Grey

เล่มตัวอย่างผ้า สำหรับลูกค้าตัวแทนจำหน่าย ที่ต้องการมีไว้เพื่อการนำเสนอลูกค้า
ติดต่อรับได้ที่ ฝ่ายขายประจำพื้นที่ หรือทาง Line
แจ้งขอรับได้ตั้งแต่ วันนี้ – จนกว่าเล่มตัวอย่างจะหมด

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็คราคาอัพเดท ก่อนสั่งทุกครั้ง

50 SHADES DB Series

Dim-out ผ้าม่านกันแสง และ Blackout ผ้าม่านทึบแสง

Fifty shades of brown

Fifty shades of Grey

เล่มตัวอย่างผ้า สำหรับลูกค้าตัวแทนจำหน่าย ที่ต้องการมีไว้เพื่อการนำเสนอลูกค้า
ติดต่อรับได้ที่ ฝ่ายขายประจำพื้นที่ หรือทาง Line
แจ้งขอรับได้ตั้งแต่ วันนี้ – จนกว่าเล่มตัวอย่างจะหมด

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็คราคาอัพเดท ก่อนสั่งทุกครั้ง

MY ROOM Collection

My Room: Upholstery Collection


MY PLACE Collection

My Place: Upholstery Collection


9 สไตล์ การจัดวางหมอนบนโซฟาให้ดูดี

        หลายท่านคงมีปัญหาในการจัดวางหมอนเพื่อการส่งเสริมบรรยากาศของห้อง บนโซฟาตัวโปรดของท่าน จะจัดวางอย่างไรให้ดูดี ดูสวยงาม และดูมีสไตล์ วันนี้เราขอแนะนำการจัดวางหมอนแบบง่ายๆ ในสไตล์ต่างๆ ให้ทุกท่านได้เลือกสรร เพื่อนำไปใช้ เช่น การจัดวางหมอนในห้องรับแขก โซฟาภายในบ้าน หรือล็อบบี้ต้อนรับของโรงแรมต่างๆ ท่านจะได้พบกับรูปแบบการจัดวางถึง 9 แบบ 9 สไตล์ ด้วยกัน งั้นเราไปดูวิธีการจัดกันเลยดีกว่า ..


แบบที่ 1 Slope Style

เหมาะสำหรับห้องที่มีโซฟา 2-3 ที่นั่ง ใช้หมอน 2 ใบ ที่มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน โดยมากหมอนใบเล็กจะมีขนาด 18″ เป็นสีอ่อนกว่าตัวโซฟา และหมอนใบใหญ่จะมีขนาด 20″ ที่มีสีสันใกล้เคียงกับตัวโซฟา สำหรับผู้ที่ไม่ชอบมีหมอนตกแต่งเยอะ การวางหมอนไม่สมดุลกันทั้งสองข้างให้ความรู้สึกที่เรียบง่าย เป็นกันเอง  ดูเป็นมิตร และผ่อนคลาย


แบบที่ 2  Triangle Style

เหมาะสำหรับห้องที่มีโซฟา 2-3 ที่นั่ง ใช้หมอน 3 ใบ ที่มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน โดยมากหมอนใบเล็กจะมีขนาด 18″ เป็นสีอ่อนกว่าตัวโซฟา และหมอนใบใหญ่จะมีขนาด 20″ ที่มีสีสันใกล้เคียงกับตัวโซฟา และหมอนเล็กใบยาวขนาด 18″x 12″ การวางหมอนไม่สมดุลแบบทรงสามเหลี่ยม ให้ความรู้สึกที่เรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์ ส่งเสริมบรรยากาศห้องให้ดูมีความทันสมัยยิ่งขึ้น


แบบที่ 3  Balance Style

เหมาะสำหรับห้องที่มีโซฟา 3 ที่นั่ง ใช้หมอน 4 ใบ ที่มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน โดยมากหมอนใบเล็กจะมีขนาด 18″ เป็นสีอ่อนกว่าตัวโซฟา และหมอนใบใหญ่จะมี 20″  ที่มีสีสันใกล้เคียงกับตัวโซฟา  การวางหมอนแบบสมดุลกันทั้งซ้ายและขวา โดยให้หมอนมีขนาดเล็กอยู่ข้างหน้าหมอนที่มีขนาดใหญ่กว่า ให้ความรู้สึกเรียบง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเป็นทางการ เหมาะสำหรับการวางในห้องนั่งเล่นที่เป็นห้องรับแขกในห้องเดียวกัน ส่งเสริมบรรยากาศห้องให้ดูมีความทันสมัย และหรูหรา


แบบที่ 4  Mirror Style

เหมาะสำหรับห้องที่มีโซฟา 3 ที่นั่ง ใช้หมอน 4 ใบ ที่มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน โดยมากหมอนใบเล็กจะมีขนาด 18″ เป็นสีอ่อนกว่าตัวโซฟา และหมอนใบใหญ่จะมีขนาด 20″  ที่มีสีสันใกล้เคียงกับตัวโซฟา การวางหมอนแบบสมดุลกันทั้งซ้ายและขวา โดยหมอนใบใหญ่จะจัดวางด้านหลัง และหมอนใบเล็กวางด้านหน้า ซึ่งคล้ายกับการวางแบบ Balance Style แต่จะมีการสลับของน้ำหนักสีของหมอน ให้ความรู้สึกเรียบง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเป็นทางการและยังดูแปลกตาสร้างความรู้สึกที่แปลกใหม่ เหมาะสำหรับการวางในห้องนั่งเล่นที่ใช้เป็นห้องรับแขกในห้องเดียวกัน ส่งเสริมบรรยากาศห้องให้ดูมีความทันสมัย แปลกตา และหรูหรา


แบบที่ 5  Dali Style

เหมาะสำหรับห้องที่มีโซฟา 3 ที่นั่ง ใช้หมอน 4 ใบ ที่มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน โดยมากหมอนใบเล็กจะมีขนาด 18″ เป็นสีอ่อนกว่าตัวโซฟา และหมอนใบใหญ่จะมีขนาด 20″ ที่มีสีสันใกล้เคียงกับตัวโซฟา และใบหมอนเล็กยาวขนาด 18″x 12″ ที่มีสีสันแตกต่างกันออกไป การวางหมอนแบบสมดุลที่ไม่สมดุลกัน คือทั้งซ้ายและขวามีจำนวนหมอนที่เท่ากัน แต่ขนาดของหมอนนั้นไม่เท่ากัน โดยให้หมอนที่มีขนาดเล็กอยู่ข้างหน้าหมอนที่มีขนาดใหญ่กว่า ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง ไม่ซ้ำซากจำเจ แสดงถึงบุคลิกการแต่งบ้านไม่ยึดติดกับแบบแผน เหมาะสำหรับการวางในห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก ส่งเสริมบรรยากาศห้องให้ดูมีความทันสมัย แตกต่างมีความเป็นตัวของตัวเองสูง


แบบที่ 6  Queen Style

เหมาะสำหรับห้องที่มีโซฟา 3 ที่นั่งขึ้นไป ใช้หมอน 5 ใบ ที่มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน โดยมากหมอนใบเล็กจะมีขนาด 18″ เป็นสีอ่อนกว่าตัวโซฟา และหมอนใบใหญ่จะมีขนาด 20″ ที่มีสีสันใกล้เคียงกับตัวโซฟา  และหมอนใบเล็กยาวขนาด 18″x 12″ ที่มีสีสันแตกต่างกันออกไป การวางหมอนแบบสมดุลกันทั้งซ้ายและขวา โดยให้หมอนที่มีขนาดเล็กอยู่ข้างหน้าหมอนที่มีขนาดใหญ่กว่า ให้ความรู้สึกเรียบง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเป็นทางการ เหมาะสำหรับการวางในห้องรับแขก ส่งเสริมบรรยากาศห้องให้ดูมีความเป็นทางการ และหรูหรา


แบบที่ 7  King Style

เหมาะสำหรับห้องที่มีโซฟา 3 ที่นั่งขึ้นไป ใช้หมอน 5 ใบ ที่มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน โดยมากหมอนใบเล็กจะมีขนาด 18″ เป็นสีอ่อนกว่าตัวโซฟา และหมอนใบใหญ่จะมีขนาด 20″  ที่มีสีสันใกล้เคียงกับตัวโซฟา  และหมอนใบใหญ่สุดจะมีขนาด 22″ ที่มีสีสันแตกต่างกันออกไป การวางหมอนแบบสมดุลกันทั้งซ้ายและขวา โดยให้หมอนที่มีขนาดเล็กอยู่ข้างหน้าหมอนที่มีขนาดใหญ่กว่า และหมอนใบใหญ่ที่สุดวางกึ่งกลางโซฟาด้านหลัง ให้ความรู้สึกสมดุล เหมาะสำหรับการวางในห้องรับแขก ส่งเสริมบรรยากาศห้องให้ดูมีความเป็นทางการและหรูหรา


แบบที่ 8  Crown Style

เหมาะสำหรับห้องที่มีโซฟา 3 ที่นั่งขึ้นไป ใช้หมอน 6 ใบ ที่มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน โดยมากหมอนใบเล็กจะมีขนาด 18″ เป็นสีอ่อนกว่าตัวโซฟา และหมอนใบใหญ่จะมีขนาด 20″ ที่มีสีสันใกล้เคียงกับตัวโซฟา และหมอนใบใหญ่สุดจะมีขนาด 22″ หมอนใบเล็กยาวขนาด 18″x 12″ ที่มีสีสันหรือมีลวดลายตัดกันกับตัวโซฟา เป็นแบบการวางหมอนที่นิยมกันมากที่สุดสำหรับบ้านขนาดใหญ่ โรงแรม 5 ดาว การวางหมอนแบบสมดุลกันทั้งซ้ายและขวา โดยให้หมอนที่มีขนาดเล็กอยู่ข้างหน้าหมอนที่มีขนาดใหญ่กว่า และหมอนใบใหญ่ที่สุดวางกึ่งกลางโซฟาด้านหลัง พร้อมหมอนใบเล็กยาววางด้านหน้าสุดของชุดหมอน ให้ความรู้สึกสมดุล เหมาะสำหรับการวางในห้องรับแขก ล็อบบี้โรงแรม 5 ดาว ส่งเสริมบรรยากาศห้องให้ดูมีความปราณีต บรรจง หรูหรา มีรสนิยมแบบชนชั้นสูง


แบบที่ 9  Royal Style

คล้ายกับแบบ Crown Style เพียงสลับให้หมอนใบใหญ่สุดในชุด มี 2 ใบจัดอยู่ที่ซ้ายและขวาแบบสมดุลกันและใบถัดลงมาจัดอยู่ในตำแหน่งตรงกลางแทน ให้ความรู้สึกสมดุล  เหมาะสำหรับการวางในห้องรับแขก ล็อบบี้โรงแรม 5 ดาว ส่งเสริมบรรยายกาศห้องให้ดูมีความปราณีต บรรจง หรูหรา มีรสนิยมแบบชนชั้นสูง เช่นกัน

สัญลักษณ์ Made in green

สัญลักษณ์ Made in green

ฉลาก “Made in Green” ได้รับการจัดการโดย OEKO-TEX ซึ่งเป็นระบบการทดสอบและรับรองอิสระสำหรับผลิตภัณฑ์สิ่งทอ OEKO-TEX มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก องค์กรก่อตั้งขึ้นในปี 2535 โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการผลิตสิ่งทอที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม

ฉลากไม่เพียงแต่ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังให้ความโปร่งใสเกี่ยวกับกระบวนการผลิตอีกด้วย สิทธิ์การได้รับฉลาก “Made in Green” ผลิตภัณฑ์สิ่งทอต้องผ่านเกณฑ์ที่เข้มงวดที่เกี่ยวข้องกับการผลิต เช่น การใช้เทคนิคการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สภาพการทำงานที่ปลอดภัยและเป็นธรรมสำหรับคนงาน และการจัดการทรัพยากรที่ยั่งยืน ฉลากยังกำหนดให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับของประเทศที่ผลิตผลิตภัณฑ์

โดยรวมแล้ว ฉลาก “Made in Green” เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าสำหรับผู้บริโภคที่สนใจซื้อผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคม

สัญลักษณ์ Teflon

Teflon Fabric Protector

DuPont Teflon Fabric Protector ผลิตภัณฑ์ จากบริษัท DuPont บริษัทอเมริกัน ก่อตั้งขึ้นในปี 2345 ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของบริษัท ได้แก่ เส้นใย nylon, เส้นใย Kevlar, Tyvek, และ Teflon

Teflon Fabric Protector เป็นสเปรย์ฉีดที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผ้าจากการหก คราบสกปรก และความเสียหายจากน้ำ การรักษาจะสร้างเกราะป้องกันรอบเส้นใยของผ้า ทำให้ทนต่อของเหลวและคราบน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่าฟลูออโรโพลิเมอร์ สามารถป้องกันผ้าของคุณจากสิ่งสกปรก และของเหลวต่างๆ เช่น นํ้า กาแฟ ไวน์ ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี เมื่อของเหลวนั้นถูกพื้นสัมผัสของผ้าที่เคลือบด้วยสาร Teflon ของเหลวนั้นจะจับตัวกันเป็นเม็ดกลมคล้ายนํ้าที่กลิ้งอยู่บนใบบัว ง่ายต่อการทำความสะอาด ได้ง่ายด้วยน้ำและสบู่อ่อนๆ และเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของผืนผ้าได้อีกด้วย

DuPont Teflon Fabric Protector มักใช้กับเสื้อผ้า เบาะ และอุปกรณ์กลางแจ้ง เช่น เต็นท์และเป้สะพายหลัง โปรดทราบว่าการบำบัดไม่ได้ทำให้ผ้ากันน้ำ แต่สามารถกันน้ำได้ ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าผ้าจะกันน้ำได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่ในที่สุดผ้าก็จะดูดซับน้ำหากสัมผัสกับผ้าเป็นระยะเวลานาน

การวัดหน้าต่างหรือประตูที่ถูกต้องและสะดวก

มาวัดหน้าต่างหรือประตู เพื่อการคำนวนผ้าม่านง่ายๆ กันเถอะ

คงเป็นเรื่องง่ายขึ้น หากเราสามารถวัดขนาดหน้าต่างหรือประตูด้วยตัวเราเอง ก่อนที่จะไปร้านผ้าม่าน เพื่อช่วยในการลดระยะเวลาที่ช่างต้องมาวัดขนาดที่บ้านของเรา และช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย โดยมีการวัด และการเลือก มีดังนี้

A : ขนาดความกว้างของหน้าต่าง หรือประตู รวบวงกบ
B :  ขนาดความสูงของหน้าต่าง หรือประตู รวบวงกบ
C : ขนาดความสูงของขอบบนวงกบหน้าต่าง หรือประตู ถึงพื้น
D : ขนาดความสูงจากพื้นถึงเพดาน

และเมื่อเราวัดขนาดเสร็จแล้ว ต่อไปคือการเลือกรายละเอียดต่างๆ ของม่าน เช่น

ประเภทของรางม่าน 1) รางโชว์ 2) รางไมโคร ผนัง, เพดาน 3) รางไมโครล๊อคลอนผนัง หรือเพดาน

รูปแบบการเย็บของผ้าม่าน เช่น  1) ม่านตาไก่ 2) ม่านคอกระเช้า 3) ม่านสามจีบ 4) ม่านลอน S หรือล๊อคลอน 5) ม่านโรมัน

รูปแบบการเปิดม่าน 1) ม่านเปิดด้านเดี่ยว ระบุซ้ายหรือขวา 2) ม่านคู่ แยกกลาง

ระดับความสูง 1) ม่านยาวลอยจากระดับวงกบล่าง 20 ซม 2)  ม่านยาวถึงระดับพื้นโดยปกติจะลอย จากพื้น 1-5 ซม