SHEER : 90011 VENUS
UPHOLSTERY : 30011 NEO CLASSIC
CUSHION : 40004 ORMAN , 10487 KNIGHTSBRIDGE , 30014 ABSTRACT, 40003 DOMACE
SHEER : 90011 VENUS
UPHOLSTERY : 30011 NEO CLASSIC
CUSHION : 40004 ORMAN , 10487 KNIGHTSBRIDGE , 30014 ABSTRACT, 40003 DOMACE
DIM-OUT CURTAIN : 80010 RAPHAEL
SHEER : 90004 SHIELD
CUSHION : 40012 PEONE, 30015 NEW ERA, 90010 IKAT
CURTAIN : 40021 TIMELESS
UPHOLSTERY : 30012 MONARCH
CUSHION : 90010 IKAT, 30015 NEW ERA, 30012 MONARCH
CURTAIN : 40009 STRONG
UPHOLSTERY : 30014 ABSTRACT
CUSHION : 40010 CHARM, 30012 MONARCH, 30011 NEO CLASSIC,
40003 DOMACE
ที่ผ้าม่านเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักใบการตกแต่งที่อยู่อาศัย ทั้งบ้าน คอนโด หรือหอ ผ้าม่านนอกจากจะตกแต่งเพื่อความสวยงามแล้ว ยังมีประโยชน์ต่างๆ ตามคุณสมบัติของผ้าม่าน เช่น กันแสง ทึบแสง เป็นต้น แล้วแบบม่านที่นิยมใช้ตกแต่งบ้านมีแบบไหนกันบ้าง? ไปทำความรู้จักกันเลย
ผ้าม่านคอกระเช้า เนื่องจากรูปแบบหูม่าน หรือสายคล้องม่านมีลักษณะคล้ายเสื้อคอกระเช้า โดยใช้ตัวผ้ามาทำเป็นหูแทนห่วง หรือตะขอ รางที่ใช้ต้องเป็นรางโชว์เท่านั้นตามสไตล์ของแต่ละบ้าน เช่น รางไม้สัก รางเหล็ก ซึ่งอาจจะมีหัวไม่เหมือนกัน ม่านชนิดนี้ให้ความเรียบง่าย สบายตา ดูไม่มีอะไรซับซ้อน เหมาะกับห้องทุกสไตล์
ม่านสไตล์คลาสสิกที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก แบบผ้าม่านจะมีจีบเล็กๆ 3 จีบ อยู่บริเวณหัวผ้าม่านหรือด้านบนของผ้าม่าน การจับจีบจำนวน 3 จีบ เป็นจำนวนที่เป็นมาตรฐานที่สวยงามและนิยมใช้มากที่สุด การแขวนม่านสามจีบจะใช้ระบบตะขอแขวน โดยรางที่ใช้เป็นได้ทั้งรางโชว์ รางเชือก หรือรางไมโครก็ได้ ม่านชนิดนี้ทำให้ห้องมีความเรียบหรู ดูดีมีระดับ เหมาะกับห้องทุกประเภท
ม่านที่มีห่วงตาไก่ (Eyelet Rings) อยู่ที่หัวผ้าม่าน การตัดม่านตาไก่ควรเผื่อลอนของม่านด้วย จะทำให้ห้องดูมีมิติมากขึ้ สามารถตัดได้ทั้งแบบใช้ผ้าน้อย ไม่ต้องเผื่อลอนให้นูนมากเพื่อประหยัดงบ หรือการใช้ผ้ามากเพื่อให้ลอนคลื่นมีความพริ้วไหวและสวยงามมมากกว่า รางที่ใช้สำหรับม่านตาไก่ เหมาะะสำหรับรางโชว์เท่านั้น หากจะนำมาซักต้องทำห่วงตาไก่ออกก่อนซักด้วย ม่านตาไก่เหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ต้องการให้ห้องดูมีเสน่ห์ และมีระดับมากขึ้น
เป็นม่านที่มีลอนรูปตัว S ต่อกันไปเรื่อย ไม่ต้องจับจีบ ใช้เพียงอุปกรณ์สำหรับม่านลอน เช่น โซ่ หรือเชือก ม่านชนิดนี้จะทำให้เห็นลายผ้าสวยๆ โดยไม่เสียเนื้อที่ผ้าสำหรับจัดลอนม่าน รางที่เหมาะสำหรับม่านชนิดนี้คือ รางแบบลูกล้อ ทำให้ใช้งานง่ายสะดวก ลื่นไม่สะดุด ม่านลอน S เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความเรียบหรู ดูดี ทันสมัย
เป็นม่านแบบแบนเรียบใช้ระบบเชือกในการดึงเก็บม่าน ผ้าม่านจะถูกเก็บไปด้านบนของผ้าม่าน ผ้าม่านพับเหมาะสำหรับสำหรับหน้าต่างแคบ รางม่านที่เหมาะสำหรับม่านพับคือ รางระบบโรตารี่ ม่านพับเหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความเรียบหรู ทำให้บรรยากาศห้องมีความสดใสสวยงาม
ผ้าม่านที่เย็บมีช่องสำหรับสอดรางท่าน และใช่การรูดเพื่อการย่นผ้าม่าน
ผ้าม่านเหล่านี้มีลักษณะการจับจีบที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่ซึ่งสร้างลุคที่เป็นทางการและเหมาะเจาะ
ม่านเหล่านี้ปิดเฉพาะส่วนล่างของหน้าต่าง ให้ความเป็นส่วนตัวในขณะที่แสงยังส่องเข้ามาได้
ผ้าม่านเหล่านี้มักใช้ในห้องครัวและห้องน้ำ และปิดเฉพาะส่วนล่างของหน้าต่างโดยเปิดส่วนบนทิ้งไว้
ผ้าม่านเหล่านี้มีผ้าผูกหรือสายที่ช่วยให้สามารถยกขึ้นและลงได้ คล้ายกับร่มโรมัน
ผ้าม่านเหล่านี้คล้ายกับผ้าม่านของออสเตรีย แต่จะมีปริมาตรและพองตัวมากกว่า คล้ายกับรูปทรงของลูกโป่ง
เป็นผ้าชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่สามารถใช้ปิดหน้าต่างหรือกั้นห้องได้
เป็นม่านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่แขวนไว้ตามประตูหรือใช้กั้นห้อง โดยมักมีลวดลายสีสันสวยงามหรือมีอักษรวิจิตร
ผ้าม่านเหล่านี้มีลักษณะเป็นผ้าจับจีบหรือผ้าจับจีบที่ดึงขึ้นมาเป็นของประดับตกแต่ง ทำให้ดูน่าทึ่งและสง่างาม
ผ้าม่านนี้เย็บมาให้ขนาดให้พอดีกับหน้าต่างแคบๆ ที่มักพบในประตูฝรั่งเศส ให้ความเป็นส่วนตัวและควบคุมแสงได้
ยังมีม่านแบบต่างๆ หรือส่วนเสริมจากตัวม่านหลัก ที่เน้นการตกแต่งเพิ่มความสวยมชงามมากกว่าใช้งานจริง
เป็นม่านตกแต่งที่แขวนไว้ที่ด้านบนของหน้าต่าง มักใช้เพื่อเพิ่มสีสันและสไตล์ให้กับห้อง
เป็นม่านตกแต่งที่ห้อยเหนือราวม่านและห้อยลงมาที่ด้านใดด้านหนึ่งของหน้าต่าง มักจะจับคู่กับม่านแขวน
ผ้าม่านเหล่านี้มีราวแขวนแบบโค้งยาวที่ด้านบน มีผ้าซ้อนกันทั้งสองด้าน ทำให้เกิดเอฟเฟกต์ย้อย
เป็นผ้าผืนยาวที่พลิ้วไหวสามารถพาดผ่านราวม่านและจัดทรงได้หลากหลายวิธี
ม่านทำมาจากลูกปัดหรือคริสตัล และมักใช้เป็นฉากกั้นห้องหรือเป็นเครื่องประดับชิ้นเด่นในห้อง
ม่านนี้ทำจากเชือกมาคราเม่ที่ผูกปมหรือถักทอ เพิ่มลุคโบฮีเมียนและเท็กซ์เจอร์ให้กับห้อง และดูเป็นการโชว์ฝีมือ อีกด้วย
คือส่วนประกอบอื่นๆ ที่ช่วยเสริมความสวยงามของม่าน
โครงไม้หรือหุ้มเบาะที่ด้านบนของหน้าต่าง เพิ่มองค์ประกอบตกแต่งและให้รูปลักษณ์ให้ลงตัว และเพื่อปิดรางและหัวม่าน
พู่ตกแต่งหรือขอบเย็บติดกับขอบผ้าม่าน เพิ่มความสวยงามและความน่าสนใจ
โดยส่วนใหญ่แล้วผ้าที่นิยมนำมาทำผ้าม่าน และผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะเป็นประเภท ผ้าทอ (weaving fabric) และมีบางส่วนที่เป็นผ้าถัก ซึ่งจะปรากฎในผ้าม่านโปร่ง และผ้าที่เป็นลักษณะทอแบบ ผ้า Velvet หรือผ้ากำมะหยี่ ส่วนผ้านอนวูฟเวน ไม่เป็นที่นิยม และแถบจะไม่ค่อยปรากฎเป็นผ้าม่านและผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ เพราะการควบคุมความสม่ำเสมอของผ้าทำได้ยาก ไม่สามารถทอหรือถักเป็นลวดลายได้ นอกจากมีกระบวนการพิมพ์เพิ่มเติม และความคงทนต่อแรงขัดถู มีน้อยกว่าผ้าทั้งสองประเภทข้างต้น
เส้นใยจากธรรมชาติ | เส้นใยจากมนุษย์ทำขึ้น | |||||
---|---|---|---|---|---|---|
เส้นใยจากแร่ |
เส้นใยจากสัตว์ |
เส้นใยจากพืช |
สังเคราะห์จากธรรมชาติ |
สังเคราะห์จากกลุ่มปิโตรเลียม |
||
เมล็ด |
ใบ |
ลำต้น |
||||
แร่ใยหิน |
ไหม, ขนสัตว์ |
ฝ้าย, มะพร้าว |
สับปะรด, ป่านศรนารายณ์ |
ลินิน, ป่าน, ปอ, กัญชง |
เรยอน, เซลลูโลสแอซีเตด |
พอลิเอสเตอร์, ไนลอน, อะคริลิก, สแปนเด็กซ์ |
1. เส้นใยที่ทำจากธรรมชาติ 100% (Natural fiber) แบ่งได้เป็นประเภท ดังต่อไปนี้
เส้นใยไหม (Silk) ใยไหมเป็นโปรตีนของรังไหม นำมาปั่นจนได้เป็นเส้นด้าย และนำมาทอ หรือถักเป็นผืนผ้า คุณสมบัติของผ้าไหม คือมีความนุ่มมือ เงางามจับตา ไม่ยับง่าย หรือไม่ยับเลย คงสภาพของผ้าได้ดี ดูดความชื้นได้ดีพอสมควร ใส่สบาย และสามารถปรับอุณหภูมิได้ หากใส่ในฤดูหนาวจะรู้สึกอบอุ่น นอกจากนั้นยังสามารถติดไฟได้ เวลาผ้าไหม้จะหด และไหม้เป็นขี้เถ้าการทำความสะอาดต้องซักด้วยสบู่ที่มีฤทธิ์อ่อนเท่านั้น เพราะผงซักฟอกที่มีกรดแรงจะทำลายเนื้อผ้า การรีดต้องนำมาฝ้ายมารองก่อนรีด
เส้นใยลินิน (Linen) ผลิตจากเส้นใยของต้นลินิน หรือต้นแฟล็กซ์ (flax) แล้วนำมาปั่น จนได้เป็นเส้นด้าย จากนั้นนำมาทอ หรือถัก จนเกิดเป็นผืนผ้า ลินินเป็นเส้นใยธรรมชาติที่มีความคงทน และแข็งแรงที่สุด โดยคุณสมบัติของผ้าลินินจะยับง่าย ซักได้ สามารถ รีดได้ที่อุณหภูมิสูง ลักษณะของผ้าจะมีความมันเงาสวยงาม ผิวเรียบแข็ง ดูดซึมน้ำได้ดี และติดไฟได้ เวลาไหม้จะเหมือนกระดาษ หากจะพับผ้าลินินต้องใช้การม้วนเท่านั้น เพราะหากพับเส้นด้ายอาจหัก หรือเสียทรงได้
เส้นใยฝ้าย (Cotton) ได้มาจากการนำเส้นใยของปุยฝ้า มาปั่นจนเกิดเป็นเส้นด้าย แล้ว แล้วนำมาทอ หรือถัก ให้เป็นผืนผ้า คุณสมบัติของผ้าฝ้าย หรือผ้าคอตตอน (Cotton) คือยับง่าย รีดยาก หด และย้วย แต่บางเบา หากผลิตเป็นเครื่องนุ่งห่ม จะใส่สบาย โดยปัจจุบันมีกระบวนการในการผลิตเส้นด้ายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คุณภาพของฝ้ายดีขึ้น ทำให้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ผ้าฝ้ายสามารถซักได้ทั้งเครื่องซักผ้า และซักมือ รีดในอุณหภูมิที่สูงได้ ไม่ไหม้ หรือเกิดการหดตัว ขึ้นราได้ง่ายเนื่องจากเป็นใยฝ้าย นอกจากนั้นยังติดไฟได้ เวลาไหม้ลักษณะจะเหมือนกระดาษไหม้ ไม่มียางเหนียว เป็นขี้เถ้า
เส้นใยขนสัตว์ (Wool) ผ้าขนสัตว์คือการนำขนสัตว์นำมาปั่น จนเกิดเป็นเส้นด้าย จากนั้นทอ หรือถักเป็นผืนผ้า โดยขนสัตว์ที่นิยมมาใช้ทำเป็นผ้าที่สุด คือขนแกะ คุณสมบัติของขนสัตว์คือ ดูดความร้อน และถ่ายเทความชื้นได้ดี เวลาสวมใส่จึงให้ความอบอุ่น และไม่เหนอะหนะร่างกายขณะสวมใส่ ผ้าขนสัตว์จะหดตัวมากเวลาเปียก จึงควรซักแห้งเท่านั้น และหลังจากซักแห้ง ควรเก็บใส่ถุงพลาสติกเพื่อป้องกันมอด
2. เส้นใยสังเคราะห์จากสารเคมี (Chemical Synthetic fiber)
ไนลอน (Nylon) ได้มาจากกระบวนการรวมตัวของปิโตรเคมี จำพวกเบนซิน ฟีนอล ไฮโดรเจน หรือแอมโมเนีย โดยนำมาผ่านกรรมวิธีทางเคมี ผลิตเป็นเส้นด้ายด้วยการถัก หรือทอ คุณลักษณะของผ้าไนลอนคือ ความทนทานสูง รูปร่างของผ้าทรงตัวได้ดี สามารถซักผงซักฟอกได้ ทนต่อเชื้อราและแมลง ทนต่อการขัดสี แต่ขณะใส่จะไม่ค่อยสบายตัว มักผลิตขึ้นมาใช้เป็นเสื้อผ้าที่มีราคาไม่สูง
โพลีเอสเตอร์ (Polyester) ได้มาจากกระบวนการรวมตัวตัวของปิโตรเคมี จำพวกเอทานอล ผ่านกรรมวิธีทางเคมี จนเกิดเส้นด้าย จากนั้นจึงผ่านกระบวนการถัก หรือทอเป็นผืนผ้า โพลีเอสเตอร์เป็นเส้นใยที่ผลิตขึ้นมาเพื่อให้มีคุณสมบัติคล้ายฝ้าย ลักษณะ เป็นเส้นใยยาวนุ่ม เงามัน ดูดความชื้นได้น้อย ผ้ามีความเบาบาง ยับยาก และจับจีบได้ แต่เมื่อใส่ไประยะหนึ่ง ผ้าจะเกิดขุย
3. เส้นใยสังเคราะห์จากวัสดุธรรมชาติ (Natural Synthetic fiber)
เรยอน (Rayon) ได้มาจากการนำเปลือกไม้ในธรรมชาติ มาผ่านกรรมวิธีทางเคมี จนเป็นเส้นด้าย จากนั้นจึงผ่านกรรมวิธีด้วยการถัก หรือทอ ผลิตขึ้นมาเพื่อให้มีคุณสมบัติเหมือนกับผ้าฝ้าย คือมีความนุ่ม มันเงา สามารถระบายความร้อน และดูดความชื้นได้ แต่ก็ไม่สามารถเป็นผ้าที่ดีกว่าฝ้ายได้ ราคาค่อนข้างถูกนิยมนำมาทดแทนผ้าฝ้าย
การคำนวนนี้จะแบ่งเป็น