fbpx

FLAME RETARDANT Collection

  1. DIM-OUT ผ้าม่านกันแสง: 80001 SEQUIN80036 LUKE80037 JEDI80038 ANAKIN, 80039 SKYWALKER80040 OBIWAN80041 KENOBI
  2. WIDE WIDTH DIM-OUT ผ้าม่านกันแสงหน้ากว้าง: 80010 RAPHAEL80018 ANGELO80019 LEONARDO80020 DONATELLO80024 EDWARDS80025 ROBERTO80026 BERNADI80042 FORCE80043 ORDER80044 AMIDALA80045 KYLOREN
  3. SHEER ผ้าม่านโปร่ง: 90019 BRICKWORK90021 VINEYARDS90022 TRELLIS90023 CHARDONNAY90024 CABERNET90025 SPARKLING WINE90027 SHIRAZ90029 PORT WINE90030 GRANMONTE90031 GRAPES HOUSE90032 SILVERLAKE

อ่านบทความเกี่ยวกับเรื่อง Flame retardant


นวัตกรรมผ้ากันไวรัส Anti Virus

ISO 18184:2019 Textiles — Determination of the antiviral activity of textile products

ISO 18184:2019 เป็นมาตรฐานวิธีการทดสอบสมรรถนะการต้านทานเชื้อไวรัสของผ้าและเนื้อผ้า มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ติดต่อกับผ้าและเนื้อผ้าได้ เช่น เชื้อไวรัสโคโรนา และเป็นการทดสอบความสามารถในการยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสบนผ้าและเนื้อผ้า

ขั้นตอนของ ISO 18184:2019 ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

  1. เตรียมตัวต้นแบบ (Prototype Preparation) – การเตรียมตัวต้นแบบผ้าทดสอบ ซึ่งจะต้องเป็นผ้าและเนื้อผ้าที่สามารถทดสอบได้เท่านั้น โดยผ่านการกำหนดขนาดผ้าและเนื้อผ้า เตรียมตัวผ้าเพื่อให้มีความเปียกชุ่ม (Wetting), และใช้วิธีการตัดผ้าสำหรับทดสอบเข้ากับตัวเครื่องทดสอบ
  2. การทดสอบ (Test Procedure) – การทดสอบการต้านทานเชื้อไวรัสของผ้าและเนื้อผ้า โดยวิธีการทดสอบคือการใช้เชื้อไวรัสที่กำหนดมาในการทดสอบ นำไปสัมผัสกับผ้าและเนื้อผ้าที่เตรียมไว้ในขั้นตอนก่อนหน้า และวัดปริมาณของเชื้อไวรัสที่เหลืออยู่บนผ้าและเนื้อผ้า โดยใช้เทคนิคการวัดความเจือจางของเชื้อไวรัส นับเป็นจำนวนก้อน (Plaque)
  3. การประเมินผล (Result Evaluation) – การประเมินผลการทดสอบ โดยใช้ค่าปริมาณเชื้อไวรัสที่เหลืออยู่บนผ้าและเนื้อผ้า และนำไปคำนวณเป็นคะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรฐาน เพื่อประเมินความสามารถในการยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสบนผ้าและเนื้อผ้า

ด้วยการทดสอบตามมาตรฐาน ISO 18184:2019 จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ติดต่อกับผ้าและเนื้อผ้าได้ และช่วยให้ผู้ผลิตผ้าและเนื้อผ้าได้รับการประเมินคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่มีความสามารถในการต้านทานเชื้อไวรัสอย่างแท้จริง โดยการทดสอบด้วยมาตรฐานที่มีความเป็นมาตรฐานสากลจะช่วยให้ผู้บริโภคได้มาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งานผ้าและเนื้อผ้าในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

ANTI DUST MITES Collection

SOMETHING CHIC Collection


ATLANTIS Collection

เล่มรวม ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ สะท้อนน้ำ


ALEPPO เล่มตัวอย่างรวมผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ สะท้อนน้ำ
Keep Calm and Charm เล่มรวมตัวอย่างรวมผ้าเนเชอร์รัลลุค
Linen Looks แผ่นพับรวมผ้าเนเชอร์รัลลุค

ทาสีห้องใหม่ ต้องใช้สีเท่าไหร่

อันดับแรก คำนวนพื้นที่ผนังแต่ละด้านที่ต้องการทาสี โดยใช้ตลับเมตรวัด ความกว้างx ความสูงของผนังทุกด้าน คำนวนพื้นที่ ตารางเมตร 

ตัวอย่างรูป

มีผนัง 3 ด้าน ประกอบด้วย ผนัง A, B และ C

  • การคำนวนคือผลรวม (ผนัง A กว้างxสูง)+(ผนัง B กว้างxสูง)+(ผนัง C กว้างxสูง)

มีประตู A และ หน้าต่าง B, C และ D

  • การคำนวนคือผลรวม (ประตู A กว้างxสูง)+(หน้าต่าง B กว้างxสูง)+(หน้าต่าง C กว้างxสูง)+(หน้าต่าง D กว้างxสูง)


จากนั้น นำตัวเลขที่ได้ มาเข้าการคำนวนดังนี้



มาดูกันว่า ถังสีในท้องตลาดมีขนากปัจจุเท่าใดบ้าง และเราควรจะเลือกซื้อขนาดเท่าใดถึงจะเหมาะสม

  • ถังสี ถังเล็ก หรือถัง 1 แกลลอน ทาสีได้ 15 ตรม. (ทา 2 รอบ)
  • ถังสี ถังกลาง หรือถัง 3 แกลลอน ทาสีได้ 45 ตรม. (ทา 2 รอบ)
  • ถังสี ถังใหญ่ หรือถัง 5 แกลลอน ทาสีได้ 75 ตรม. (ทา 2 รอบ)

ผ้าม่านสีเข้มห้องแคบ ผ้าม่านสีอ่อนห้องกว้าง จริงหรือ?

ผ้าม่านสีเข้มจะทำให้ห้องดูเล็กลงและแคบมากขึ้น เพราะจะดูดซับแสงได้มากกว่าแต่ก็สร้างความรู้สึกลึกให้กับห้องอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผ้าม่านสีอ่อนไม่ได้ทำให้ห้องดูกว้างเสมอไป

นอกจากนั้นยังมีเรื่องของ สีสัน เท็กเจอร์ และลวดลายของผ้าม่านก็มีผลกระทบต่อการรับรู้ขนาดและบรรยากาศของห้อง ผ้าม่านสีอ่อนสามารถสะท้อนแสงธรรมชาติได้มากกว่า ซึ่งสร้างความสว่างและความรู้สึกโปร่งโล่งมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความหนา-บางของผ้าม่านก็ส่งผลต่อพื้นที่ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ผ้าม่านหนาสีอ่อนสามารถสร้างความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง ในขณะที่ผ้าม่านโปร่งแสงหรือกึ่งโปร่งแสงสามารถให้ความรู้สึกโล่งโปร่งสบาย

โดยรวมแล้ว การเลือกผ้าม่านขึ้นอยู่กับสไตล์โดยรวมและบรรยากาศที่ต้องการของห้อง รวมถึงปริมาณแสงธรรมชาติและองค์ประกอบอื่นๆ ในการออกแบบ


  • ผ้าม่านสีอ่อน มีการสะท้อนแสงที่มากกว่า ผ้าสีเข้ม จึงทำให้แสงจากแห่งกำเนิดแสง มีการสะท้อนและกระจายได้มากกว่า ซึ่งทำให้ห้องโดยรวมดูสว่างกว่า เมื่อเปรียบเทียบห้องที่ผ้าม่านสีเข้มกว่า จึงทำให้ห้องดูเสมือนว่า ห้องกว้างนั้นเอง
  • เหมาะกับห้อง สไตล์อบอุ่น ร่วมสมัย ห้องที่ต้องการความส่าง ความแอคทีฟ ต้องการสะท้อนของแสงมาก เช่น ห้องรับแขก, ห้องนั่งเล่น, ห้องทำงาน เป็นต้น

  • ผ้าม่านสีเข้ม จะมีการสะท้อนแสงที่น้อยกว่า ผ้าสีอ่อน จึงทำให้แสงจากแห่งกำเนิดแสง มีการสะท้อนและกระจายได้น้อยกว่า ซึ่งทำให้ห้องโดยรวมดูมืดกว่า เมื่อเปรียบเทียบห้องที่ผ้าม่านสีอ่อนกว่า จึงทำให้ดูเสมือนว่าห้องแคปนั้นเอง
  • เหมาะกับห้อง สไตล์โมเดิร์น หรูหร่า ห้องที่ต้องการความสงบ ไม่ต้องการสะท้อนของแสงไม่เยอะมาก เช่น ห้องนอน เป็นต้น

PALPATINE Collection

เล่มรวม DIM-OUT & BLACKOUT หน้าแคบ