fbpx

ผ้ากันไฟลาม คืออะไร ?

ผ้ากันไฟลาม มาจากคำว่า Flame Retardant หลายๆคนชอบพูดว่าผ้ากันไฟ แต่จริงแล้ว คุณสมบัตินี้คือการที่ เมื่อผ้าเกิดการติดไฟแล้วจะสามารถดับได้เองโดยไม่ลุกลามต่อไปนั่นเอง ซึ่งมาตรฐานนี้มีหลายระดับด้วยกัน ผ้ากันไฟลามนี้เหมาะกับงานประเภทที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น โรงแรม, โรงภาพยนต์ หรือที่สาธารณะ อาคารสูง หรือคอนโดมิเนียม เป็นต้น และนอกจากมาตรฐานข้างต้น ยังมีมาตรฐานเฉพาะ เช่น

  • California, USA Standard: CA TB 117
  • British Standard :BS 5852, BS 5651
  • European standard: BS EN 1021
  • International Standard: NFPA 260, NFPA 701

มาตรฐานการทดสอบการกันไฟลามที่เกี่ยวกับวัสดุต่างๆ

TEXTILE FABRICS มาตรฐานการทดสอบสิ่งทอ

  • NFPA 701: Standard Methods of Fire Tests for Flame Propagation of Textiles and Films

VERTICALLY ORIENTED TEXTILE FABRICS, CURTAINS AND DRAPES มาตรฐานการทดสอบสิ่งทอในแนวตั้ง, ผ้าม่าน

  • BS 5438: Methods of Test for Flammability of Textile Fabrics When Subjected to a Small Igniting Flame Applied to The Face or Bottom Edge of Vertically Oriented Specimens
  • BS 5867-2: Fabrics for curtains, drapes, and window blinds – Part 2: Flammability Requirements – Specification
  • BS EN 1101: Textiles and textile products – Burning behavior – Curtains and drapes – Detailed procedure to determine the ignitability of vertically oriented specimens (small flame)
  • BS EN 1102: Textiles and textile products – Burning behavior – Curtains and drapes – Detailed procedure to determine the flame spread of vertically oriented specimens
  • BS EN 13772: Textiles and textile products – Burning behavior – Curtains and drapes – Measurement of flame spread of vertically oriented specimens with a large ignition source
  • BS EN 13773: Textiles and textile products – Burning behavior – Curtains and drapes – Classification scheme
  • ISO 6940: Textile fabrics – Burning behavior – Determination of ease of ignition of vertically oriented specimens
  • ISO 6941: Textile fabrics – Burning behavior – Measurement of flame spread properties of vertically oriented specimens

UPHOLSTERED FURNITURE มาตรฐานการทดสอบผ้าบุเฟอร์นิเจอร์

  • BS 5852: Methods of Test for Assessment of the Ignitability of Upholstered Seating by Smouldering and Flaming Ignition Sources
    • Test method: A test rig is constructed in order to simulate a chair with the fabric to be tested. This rig is subjected to different ignition sources. There are 8 types of ignition sources, each with different heat intensity. They are classified from 1 to 8, the intensity doubling compared to the preceding source. The most frequently used are ignition source 0, 1 and 5.
    • Source 0: smoldering cigarette A cigarette is put along the crevice of the test rig and allowed to burn over its entire length. If no flaming or progressive smoldering is observed on both cover and interior material, the test is recorded as no ignition and the material passes the test.
    • Source 1: simulated match A burner is lit, held along the crevice of the test rig for 20 seconds and then removed. If no flaming or progressive smoldering is observed on both cover and interior material, the test is recorded as no ignition and the material passes the test.
    • Source 5: wooden crib 5 A crib is composed of wooden planks, glued together. Lint is attached to the bottom. After adding propane-diol the crib is placed on the test rig and ignited with a match. If no flaming or progressive smoldering is observed on both cover and interior material, the test is recorded as no ignition and the material passes the test.
  • BS 7176: Specification for resistance to ignition of upholstered furniture for non-domestic seating by testing composites
  • BS 7177: Specification for resistance to ignition of mattresses, mattress pads, divans, and bed bases
  • CA TB 117: (California Technical Bulletin 117) Requirements, Test Procedure, and Apparatus for Testing the Smolder Resistance of Materials Used in Upholstered Furniture
  • EN 1021 Furniture – Assessment of the ignitability of upholstered furniture
    • Part 1 (EN 1021-1) Ignition source smoldering cigarette
    • Part 2 (EN 1021-2) Ignition source match flame equivalent
  • NFPA 260: Standard Methods of Tests and Classification System for Cigarette Ignition Resistance of Components of Upholstered Furniture
  • ISO 8191: Furniture – Assessment of the Ignitability of Upholstered Furniture
    • Part 1 (ISO 8191-1) Ignition Source: Smouldering Cigarette
    • Part 2 (ISO 8191-2) Ignition Source: Match-Flame Equivalent First Edition; (Cen En 1021-2: 1993)

BUILDING MATERIALS AND PRODUCTS มาตรฐานการทดสอบวัสดุก่อสร้างและผลิตภัณฑ์

  • GB 8624  Classification for Burning Behavior of Building Materials and Products

Cigarette Ignition Resistance

Cigarette Ignition Resistance หรือ การทนทานการติดไฟของบุหรี่ หมายถึงความสามารถของวัสดุหรือผลิตภัณฑ์ในการต้านทานการจุดไฟ หรือการเผาไหม้เมื่อสัมผัสกับบุหรี่ที่จุดไฟ

แนวคิดเรื่องการต้านทานการติดไฟของบุหรี่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยจากอัคคีภัย เนื่องจากเปลวไฟที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ อาจเป็นสาเหตุสำคัญของไฟไหม้บ้านและอาคาร โดยทั่วไปแล้วการทดสอบการต้านทานการติดไฟของบุหรี่จะใช้วิธีมาตรฐานที่จำลองสภาพของบุหรี่ที่สัมผัสกับวัสดุหรือผลิตภัณฑ์โดยไม่ตั้งใจ

มีมาตรฐานและข้อบังคับมากมายเกี่ยวกับการต้านทานการติดไฟของบุหรี่สำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์บุนวม ที่นอน และเครื่องนอน ในระดับสากลหลายองค์กร ได้กำหนดมาตรฐานการติดไฟสำหรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดไฟไหม้ที่เกิดจากวัสดุที่มีควัน

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่า การทนทานการติดไฟของบุหรี่ ไม่ได้หมายความว่าวัสดุหรือผลิตภัณฑ์จะกันไฟได้ไม่ติดไฟเลยในทุกสถานการณ์ แต่เป็นการวัดความสามารถของวัสดุในการต้านทานการติดไฟเมื่อสัมผัสกับวัสดุที่สูบบุหรี่ภายใต้เงื่อนไขการทดสอบมาตรฐาน

ผ้านิทัสที่ผ่านมาตรฐานการเผาไหม้ระดับบุหรี่

ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ Upholstery

ผ้าม่านก็ได้ ผ้าบุก็ดี Dual Purpose

ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์เกรดเอาท์ดอร์ Outdoor Upholstery


Flame Retardant

Flame Retardant หรือ การหน่วงการติดไฟ คือสารเคมีที่เติมลงในวัสดุต่างๆ เช่น สิ่งทอ พลาสติก และผลิตภัณฑ์โฟมเพื่อให้ทนทานต่อไฟมากขึ้น โดยจะทำงานการขัดจังหวะปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นเมื่อวัสดุเผาไหม้ หรือสร้างเกราะป้องกันที่ป้องกันไม่ให้เปลวไฟลุกลาม สารหน่วงการติดไฟมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและคุณประโยชน์เฉพาะของตัวเอง 

ผ้าม่านที่มีการทำกันไฟลาม หรือหน่วงการติดไฟมีความสำคัญเนื่องจากสามารถช่วยป้องกันหรือชะลอการลุกลามของไฟ ซึ่งสามารถช่วยชีวิตและลดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้

ผ้านิทัสที่ผ่านมาตรฐานกันไฟลาม

หนังเทียม Synthetic Leather

ผ้าม่านกันแสง Dim-out

ผ้าม่านกันแสงหน้ากว้าง Wide Width Dim-out

ผ้าทึบแสงซับหลัง Blackout Lining

ผ้าม่านโปร่ง Sheer

ดูเล่มตัวอย่างผ้ากันไฟลามที่นี้ คลิก!!!


มารู้จักสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ปรากฏในเล่มตัวอย่าง ของนิทัส กันเถอะ

ผ้าในเล่มตัวอย่างของเรามีผ้าหลากหลายประเภท และหลากหลายคุณสมบัติเช่นกันและเพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตุและทราบถึงคุณสมบัติ หรรือคุณลักษณะต่างๆ ของผ้านั้น บริษัทนิทัสเทสซิเล เราจึงมีการกำหนดสัญลักษณ์ Symbol โดยสัญลักษณ์ดังกล่าวเป็นที่ไม่เป็นสากล แต่มีความเข้าใจง่าย ง่ายต่อการจดจำและแยกแยะ โดยนิทัสเราจะใช้สั,ลักษณ์กับผ้าของเราทุกคนเป็นพื้นฐาน โดยส่วนใหญ่จะปรากฎที่ตรงบริวเณหน้าสารบัญในเล่มตัวอย่าง เล่มต่างๆ ที่แจกจ่ายไปยังร้านค้าตัวแทนจำหน่ายผ้านิทัสของเรา


มารู้จัก “Care Symbol หรือ สัญลักษณ์การดูแลผ้า” กันเถอะ

การดูแลรักษาผ้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยปกติแล้วก่อนที่เราจะทำการซักผ้าเราจำเป็นต้องรู้ว่าผ้านั้นเป็นผ้าอะไร และมีวิธีการดูแลรักษาอย่างไร แต่เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลรักษาผ้า Care Symbol สคือสัญลักษณ์กราฟิกขนาดเล็กหรือรูปภาพสัญลักษณ์ที่ใช้บนฉลากการดูแลเสื้อผ้าเพื่อระบุว่าควรซัก ตาก รีด หรือดูแลเสื้อผ้าชนิดใดเป็นพิเศษ สัญลักษณ์เหล่านี้ได้รับการกำหนดมาตรฐานโดยองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO) และมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ง่ายโดยไม่คำนึงถึงอุปสรรคด้านภาษา เราสามารถจดจำความหมายนี้ ไปเพื่อการดูแลรักษาชุดเสื้อผ้าของเรา หรือ ผ้าม่าน, ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ได้

สัญลักษณ์การดูแลทั่วไปบางอย่าง ได้แก่ :

  • Washing การซัก: สัญลักษณ์นี้มักจะดูเหมือนถังน้ำที่มีตัวเลขอยู่ข้างใน ซึ่งบ่งชี้ถึงอุณหภูมิของน้ำสูงสุดที่สามารถซักเสื้อผ้าได้
  • Bleaching การฟอกขาว: สัญลักษณ์นี้มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม โดยมีรูปแบบต่างๆ กันเพื่อระบุว่าสามารถฟอกสีเสื้อผ้าได้หรือไม่
  • Drying การอบแห้ง: โดยทั่วไปแล้วสัญลักษณ์นี้จะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม โดยมีรูปแบบต่างๆ ที่ระบุว่าเสื้อผ้าควรปั่นแห้ง อบแห้งแบบเส้น หรืออบแห้งแบบเรียบ
  • Ironing การรีดผ้า: โดยทั่วไปแล้วสัญลักษณ์นี้จะดูเหมือนเตารีด โดยมีรูปแบบต่างๆ ที่ระบุถึงอุณหภูมิสูงสุดที่เสื้อผ้าสามารถรีดได้
  • Dry cleaning ซักแห้ง: โดยทั่วไปแล้วสัญลักษณ์นี้จะมีลักษณะเป็นวงกลม โดยมีรูปแบบต่างๆ ที่ระบุว่าเสื้อผ้าสามารถซักแห้งได้หรือไม่

สิ่งสำคัญคือต้องใส่ใจกับสัญลักษณ์การดูแลเมื่อซักผ้าของคุณ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายหรือทำให้เสื้อผ้าหดหรือเสียรูปทรง


สัญลักษณ์ของ NITAS TESSILE

กลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้ากันแสง

      

   


กลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์

    


ข้อมูลทิศทางของลาย และการใช้ผ้า

 


สัญลักษณ์คุณสมบัติพิเศษ

  

  


บอกแหล่งที่มาของผ้า


SLUMBER B Collection

SLUMBER BLACKOUT COLLECTION

สลัมเบอร์ เล่มรวมผ้าทึบแสง 100%


เลือกสีเฟอร์ สีผ้าม่าน ให้ปังตลอดปี 2023


ค่าการกันน้ำ IPXX VS Water Repellent

มารู้จักค่า IPXX กันดีกว่า

คนทั่วไปที่จะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า คงจะเคยได้ยินค่าการกันน้ำระดับ IPX5, IP68 อะไรประมาณนี้ แล้วมันต่างกับการกันน้ำ(สะท้อนน้ำ)ในผ้าม่านอย่างไร วันนี้นิทัสเราจะพาไปดูกันเลย

มาตรฐาน IP , IPX คืออะไร ?

 IP คือค่ามาตรฐานที่ใช้วัดความสามารถในการปกป้องสิ่งที่อยู่ภายในของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิก โดย IP (Ingress Protection) มาตรฐานนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย European Committee for Electro Technical Standardization (CENELEC) (NEMA IEC 60529 Degrees of Protection Provided by Enclosures – IP Code) โดยจะมีค่าบ่งบอกการกันฝุ่น และกันน้ำ IPXX  โดยมีตัวเลข 2 หลัก บอกความหมายระดับที่สามารถป้องกันเข้าสู่แผงวงจร ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายได้

โดยค่า IP จะมีตัวเลขตามอีกสองหลัก

  • ตัวเลขหลักแรก หมายถึงการป้องสิ่งแปลกปลอมที่สถานะเป็นของแข็ง (Solids) ส่วนใหญ่จะทดสอบกันเรื่องของฝุ่นละออง
  • ตัวเลขหลักที่สอง หมายถึงการกันของเหลว ซึ่งหมายถึงการกันน้ำนั้นเอง
  • ตัวอักษร X หมายถึงการไม่ระบุ เช่น IPX3 หมายถึง การไม่ระบุค่าการกันฝุ่น แต่กันน้ำระดับ 3 เป็นต้น

IP ตัวเลขหลักแรก ค่า 1-6

  • X หมายถึง ไม่ระบุ
  • 0 หมายถึง ไม่สามารถป้องกันของแข็งได้เลย
  • 1 หมายถึง ป้องกันจากของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 50 มม. ขึ้นไป เช่น มือ ฯลฯ
  • 2 หมายถึง ป้องกันจากของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 12 มม. ขึ้นไป เช่น นิ้วมือ ฯลฯ
  • 3 หมายถึง ป้องกันจากของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 2.5 มม. ขึ้นไป เช่น ไขควง ฯลฯ
  • 4 หมายถึง ป้องกันจากของแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 มม. ขึ้นไป เช่น ลวด สายไฟ ฯลฯ
  • 5 หมายถึง ป้องกันฝุ่นละออง แต่ต้องเป็นฝุ่นละอองของสารที่ไม่ทำให้เกิดอันตราย
  • 6 หมายถึง ป้องกันฝุ่นละออง แต่ต้องเป็นฝุ่นละอองของสารที่เกิดอันตราย หรือกัดกร่อนได้

IP ตัวเลขหลักที่สอง ค่า 1-8

  • X หมายถึง ไม่ระบุ
  • 0 หมายถึง ไม่สามารถกันน้ำได้เลย
  • 1 หมายถึง การป้องกันหยดน้ำ หรือ น้ำกระฉอกในแนวตั้งได้เล็กน้อย
  • 2 หมายถึง การป้องกันหยดน้ำกระเซ็นหรือหยดใส่ตัวสินค้า ในมุมเฉียงไม่เกิน 15 องศาได้
  • 3 หมายถึง ป้องกันจากฝนที่ตกกระทบ 60 องศาในแนวดิ่ง
  • 4 หมายถึง ป้องกันจากน้ำกระเซ็นได้ทุกทิศทาง (ไม่นับการแช่ลงไปในน้ำเป็นเวลานานๆ)
  • 5 หมายถึง ป้องการการฉีดน้ำจากสายยางแรงดันต่ำได้อย่างน้อย 3 นาที
  • 6 หมายถึง ป้องการการฉีดน้ำจากสายยางแรงดันสูงอย่างน้อย 3 นาที
  • 7 หมายถึง ป้องกันการแช่น้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร ได้ 30นาที
  • 8 หมายถึง ป้องกันการแช่น้ำลึกมากกว่า 1 เมตร แบบต่อเนื่อง

ตัวอย่าง ลำโพง ระบุว่า IP67 ก็หมายความว่า สามารถกันฝุ่นละอองได้ และยังกันน้ำได้ไม่เกิน 1 เมตร โดยแช่ไม่เกิน 30 นาที อีกด้วย


ส่วนเรื่องผ้ากันน้ำ แบบคำว่ากันน้ำจริงๆ (Water Resistant) นั้นเป็นคำเรียกติดปาก ซึ่งโดยปกติแล้วผ้ามักจะไม่ทำฟังก์ชั่นให้กันน้ำแบบ Water Resistant เพราะเท่ากับว่าผ้านั้นจะสูญเสียคุณสมบัติความเป็นผ้าที่จะสามารถระบายอากาศได้ แม้จะกันน้ำได้ ซึ่งมันจะกลายเป็นแผ่นเสมือนพลาสติกไปเลย และจะไม่สามารถซักได้ตามปกติ อีกด้วย ซึ่งในการทำฟังก์ชั่นการเคลือบผิวผ้า จะใช้การทำผ้าสะท้อนน้ำ หรือ Water Repellent แทนนั้นเอง 

อ่านบทความเรื่อง ผ้าสะท้อนน้ำ (Water Reprllent) เพิ่มเติม คลิ๊ก


Roller Blinds by Nitas Tessile

Roller Blinds หรือ ม่านม้วนเป็นม่านหน้าต่างประเภทหนึ่งที่ประกอบด้วยผ้าหรือวัสดุชิ้นเดียวที่สามารถม้วนขึ้น หรือลงเพื่อปิดหน้าต่างได้ ทำงานโดยใช้ระบบรอกหรือกลไกมอเตอร์ที่ช่วยให้เปิดหรือปิดได้ง่าย ม่านม้วนเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับความเรียบง่ายและความสามารถรอบด้าน มีหลากหลายสีสัน ลวดลาย และวัสดุ เช่น ผ้า ไวนิล หรือแม้แต่ไม้ไผ่ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งให้พอดีกับขนาดและรูปร่างของหน้าต่างเฉพาะได้อีกด้วย

ข้อดีอย่างหนึ่งของม่านม้วนคือความสามารถในการให้ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมแสง สามารถปรับให้บังแสงและป้องกันไม่ให้คนมองเห็นด้านในได้ ในขณะที่ยังเปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้บางส่วน ม่านม้วนยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานด้วยการเป็นฉนวนและป้องกันความร้อนในฤดูร้อนและเย็นในฤดูหนาว โดยรวมแล้ว ม่านม้วนเป็นตัวเลือกการรักษาหน้าต่างที่มีสไตล์และใช้งานได้จริง ซึ่งสามารถเพิ่มรูปลักษณ์และความรู้สึกของห้องใดก็ได้ในบ้านหรือที่ทำงานของคุณ


Wooden Blinds by Nitas Tessile

มู่ลี่ไม้เป็นม่านหน้าต่างประเภทหนึ่งที่ทำจากแผ่นไม้ที่ต่อเข้าด้วยกันด้วยเชือกหรือเทป เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับทั้งบ้านและสำนักงาน เนื่องจากให้ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมแสง ในขณะที่เพิ่มสัมผัสที่เป็นธรรมชาติและคลาสสิกให้กับทุกพื้นที่

มู่ลี่ไม้มีพื้นผิวและขนาดต่างๆ ตั้งแต่เฉดสีอ่อนไปจนถึงสีเข้มของไม้ และสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับขนาดหรือรูปร่างของหน้าต่างใดๆ สามารถปรับดึงด้วยมือ หรือแท่งไม้ปรับ หรือควบคุมด้วยมอเตอร์ที่ช่วยให้ใช้งานสะดวกมากขึ้น

ข้อดีอย่างหนึ่งของมู่ลี่ไม้คือความทนทานและทนต่อการสึกหรอ ทำให้เป็นการลงทุนที่ยาวนานสำหรับบ้านหรือที่ทำงาน นอกจากนี้ยังทำความสะอาดและบำรุงรักษาได้ง่ายโดยต้องใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ปัดฝุ่นหรือเช็ดเป็นครั้งคราวเท่านั้น โดยรวมแล้ว มู่ลี่ไม้เป็นตัวเลือกที่หลากหลายและมีสไตล์สำหรับทุกพื้นที่ ให้ทั้งการใช้งานจริงและความสวยงาม

หน้าต่างแบบต่างๆ

หน้าต่างมีหลากหลายประเภทและชื่อเรียก วันนี้นิทัสเราพามาดูกันดีกว่า ว่าหน้าต่างมีแบบไหนบ้าง ถ้าเราจะแบ่งได้ 3 ประเภทใหญ่ ได้แก่

  1. วัสดุที่นำมาทำหน้าต่าง เช่น หน้าต่างไม้ หน้าต่างกระจก-อลูมิเนียม เป็นต้น
  2. ลักษณะการเปิด-เปิด เช่น บานเปิด, บานสไลด์, บานยก เป็นต้น
  3. รูปแบบเฉพาะของชุดหน้าต่าง

แบ่งตามลักษณะการเปิด

บานตาย (เปิดไม่ได้)

บานฟิกซ์ Fixed Windows : บานกระจกที่ปิดตายไม่สามารถเปิดได้ ทำให้สามารถมองเห็นได้ แสงเข้าได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังกันน้ำรั่วซึมตามขอบกระจกได้แนบสนิท และยังไม่เกะกะกับพื้นที่ใช้สอยภายในภายนอกอีกด้วย แต่ข้อเสียของกระจกบานฟิกซ์คือ ไม่สามารถระบายอากาศได้ 


บานเปิดตามจุดหมุน

หน้าต่างบานเปิด Casement Windows : หน้าต่างบานเปิดเป็นหน้าต่างที่มีการใช้มากที่สุด มีให้เลือกหลายวัสดุ สามารถเปิดรับแสง และลมได้ดี ช่วยกำหนดทิศทางการระบายอากาศได้ แต่เมื่อเปิดหน้าต่างอาจส่งผลต่อพื้นที่ภายนอก เพราะจะกีดขวางทางเดินรอบตัวบ้าน ดังนั้นจึงนิยมใช้กับบ้านสองชั้นขึ้นไป

หน้าต่างบานกระทุ้ง Awning Windows: นิยมใช้ในต่างประเทศ เพื่อต้องการแสง แต่ไม่ต้องการให้สูญเสียอุณหภูมิในห้องมากนัก เหมาะกับพื้นที่ที่จำกัด สามารถระบายอากาศได้ดีตลอดเวลา มีความสูงมากกว่าความกว้าง จึงช่วยทำให้การออกแบบหลากหลายมากขึ้นอีกด้วย

หน้าต่างบานหมุน Pivoted Windows: มีทั้งการหมุนเปิดทั้งแนวตั้งและแนวนอน ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่มักจะเป็นในรูปแบบของงานออกแบบตกแต่ง เพื่อเพิ่มความน่าสนใจแปลกตา นั่นก็เพราะจุดหมุนซึ่งอยู่ตรงกลางทำให้หน้าต่างสามารถหมุนออกได้เพียง 90 องศา

หน้าต่างทิ้วแอนด์เทิร์น Tilt and Turn Windows : เป็นนวัตกรรมพิเศษของตัวบาน และกลไกลของวงกบในการเปิด ซึ่งสามารถเปิดได้แบบบานสวิงปกติ และสามารถเปิดแง้มด้านบนได้อีกด้วย มักพบในโรงแรมต่างประเทศ ทำให้สามารถเปิดรับลม และแสงได้เพื่อความปลอดภัย ตามมาด้วยราคาที่สูง ในประเทศไทยไม่เป็นที่นิยมมากนัก

หน้าต่างบานเฟี้ยม Folding Windows: เป็นการแก้ปัญหาของการกินพื้นที่ของหน้าต่างบานเปิดปกติ โดยการแบ่งตัวบานให้เป็นบานพับเป็นท่อนๆ สามารถลดพื้นที่ได้ดี สามารถเปิดได้กว้าง แต่มีข้อเสียเรื่องความแข็งแรง และราคาที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับหน้าต่างปกติทั่วไป


บานเลื่อน หรือบานสไลด์

หน้าต่างบานสไลด์ Sliding Windows: ด้วยเทคโนโลยีทางด้านวัสดุในปัจจุบันที่นิยมใช้อลูมิเนียม และกระจกเข้ามาทดแทนหน้าต่างไม้ ด้วยรูปแบบของหน้าต่างสไลด์ ที่ไม่กินเนื้อที่ในวงสวิงการเปิด เป็นที่นิยมสูงสุดในปัจจุบัน มีทั้งแบบเป็นบานฟิกซ์หนึ่งด้าน และอีกด้านสไลด์ หรือจะเป็นแบบสไลด์ทั้งสองบาน

หน้าต่างบนยก Sash Windows: เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของหน้าต่างบานสไลด์แต่จะสไลด์ขึ้นด้านบนแทน
ไม่กินเนื้อที่ในวงสวิงในการเปิด ส่วนใหญ่จะเป็นบานฟิกซ์ข้างบน และบานยกด้านล่าง มักเจอกับบ้านสไตล์ยุโรปที่ต้องการแสงสว่าง แต่ไม่ต้องการสูญเสียอุณหภูมิภายในห้อง


หน้าต่างบานเกล็ดไม้  Louvered Windows: เป็นหน้าต่างที่นิยมในแถบประเทศเมืองร้อน ต้องการอากาศถ่ายเท พลางสายตา เป็นได้ทั้งหน้าต่างบานฟิกซ์ บานเปิด และบานกระทุ้งพบในบ้านสมัยก่อน สมัยที่หน้าต่างส่วนใหญ่ยังเป็นวัสดุไม้ ในปัจจุบันจะปรับใช้เป็นช่องระบายอากาศ

หน้าต่างบานเกล็ดกระจก ปรับได้ Jalousie Windows: เป็นหน้าต่างที่นิยมมากในสมัยก่อน เพราะให้ทัศนวิสัยที่ดี ไม่เสียพื้นที่ในการเปิดปิด ระบายอากาศดี เพราะสามารถปรับหน้าต่างได้ มีหลากหลายประเภทและชื่อเรียก


รูปแบบลักษณะของชุดบานหน้าต่าง

หน้าต่างเข้ามุม Corner Window : เป็นที่นิยมกับบ้าน และคอนโดสมัยนี้ เปิดองศาการมองเห็นได้ดี แต่อาจต้องใส่ใจในเรื่องของการติดตั้งม่านเป็นพิเศษ

เบย์วินโดว์ Bay Window: หน้าต่างยื่นออกจากตัวทรงสี่เหลี่ยมคางหมู มักเห็นในบ้านสไตล์ยุโรป สามารถเปิดรับทัศนียภาพโดยรอบได้ในมุมมองที่กว้างมากขึ้น จากหน้าต่างทางด้านซ้าย-ขวาที่ตั้งอยู่ในมุมเฉียง ในเรื่องของมุมมองที่กว้างขึ้นแล้ว ยังเป็นมุมมองที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ ใกล้กับวิวภายนอกได้มากยิ่งขึ้น  ทำให้แสงสามารถส่องเข้ามาในห้องได้ดีอีกด้วย

โบว์วินโดว์ Bow Windows: หน้าต่างยื่นออกจากตัวทรงโค้ง มักเห็นในบ้านสไตล์ยุโรป แต่เป็นที่สังเกตว่า ทรงของผนังโค้งก็จริงแต่ตัวกรอบของบานกระจกก็จะเป็นแผ่นตรงขนาดไม่กว้างต่อๆ กันให้เป็นตรงโค้ง และในส่วนของความหนาของผนังก็จะหนากว่าปกติ เพื่อให้มีพื้นที่ในการโค้งอีกด้วย

หน้าต่างทรงเรือนกระจก Garden Windows: หน้าต่างยื่นออกจากบ้าน และได้แสงจากหลังคากระจกด้านบน นิยมทำในบ้านสไตล์ยุโรปที่ต้องการแสงสว่างจำนวนมาก เพื่อต้องการปลูกต้นไม้ภายในที่ต้องการแสงแดด ส่งเสริมความมีชีวิตชีวาจากต้นไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนเรือนกระจกขนาดย่อมๆในบ้าน