fbpx

Inherent FR เกิดมาก็กันไฟเลย

Flame Retardant Fabrics หรือผ้ากันไฟลาม คือผ้าที่มีการปรับปรุงเพื่อให้มีคุณสมบัติที่สามารถต้านทานการลุกลามของไฟได้ โดยในเชิงเคมีและกระบวนการผลิต ผ้ากันไฟลามสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก ๆ คือ

  • Inherent Flame Retardant (Inherent FR) Fibers
  • Treated Flame Retardant (Treated FR) Fabrics

1. Inherent Flame Retardant (Inherent FR) Fibers

เส้นใยที่มีคุณสมบัติกันไฟตั้งแต่ต้น หรือที่เรียกว่า Inherent FR Fiber เป็นเส้นใยที่มีความต้านทานต่อเปลวไฟภายในโครงสร้างของมันเอง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการเคลือบสารเพิ่มเติม สารต้านไฟลามจะถูกผสมกับเมล็ดพลาสติกหรือโพลีเมอร์ก่อนจะหลอมละลายและฉีดออกมาเป็นเส้นใย ทำให้เส้นใยเหล่านี้มีคุณสมบัติกันไฟตั้งแต่การผลิต ตัวอย่างเส้นใยที่มีคุณสมบัติ Inherent FR เช่น อะรามิด (Aramid) และโมดาคริลิก (Modacrylic) ซึ่งมีประสิทธิภาพการกันไฟที่ดีกว่าเส้นใย FR ทั่วไป

ผ้าที่มีคุณสมบัติกันไฟลามโดยทั่วไปมักจะมีประสิทธิภาพคงอยู่ไม่เกิน 5 ครั้งในการซัก เมื่อซักมากกว่า 5 ครั้ง ประสิทธิภาพการกันไฟจะลดลงเรื่อย ๆ แต่สำหรับผ้าที่ผลิตจากเส้นใย Inherent FR Fiber จะคงคุณสมบัติกันไฟไม่ลดลงแม้จะผ่านการซักหลายครั้ง เนื่องจากคุณสมบัติการกันไฟฝังอยู่ในตัวเส้นใยเองตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต

ข้อดี: คุณสมบัติการกันไฟคงที่และไม่ลดประสิทธิภาพลง แม้จะผ่านการซักหรือใช้งานหลายครั้ง, ปลอดภัยกว่าเนื่องจากไม่มีสารเคลือบเพิ่มเติมที่อาจหลุดออกมาได้

สามารถสังเกตุว่าผ้าตัวใดของนิทัสมีคุณสมบัติ Inherent Flame Retardant จาก


2. Treated Flame Retardant (Treated FR) Fabrics

ผ้าที่มีคุณสมบัติ FR fiber หรือ “Flame Retardant fiber” เป็นเส้นใยที่มีความต้านทานต่อเปลวไฟ โดยทั่วไปผลิตจากวัสดุต่างๆ เช่น พอลีเอสเตอร์ (Polyester) และอะรามิด (Aramid) ผ้ากันไฟลามหมายถึงเมื่อสัมผัสกับเปลวไฟแล้ว ผ้าจะไม่ลุกลามต่อเนื่อง แต่ไม่ได้หมายความว่าไฟที่ลุกลามจากแหล่งอื่นจะไม่ทำให้ผ้าติดไฟ เพียงแค่เมื่อมีจุดกำเนิดไฟมาสัมผัส ผ้าจะไม่เป็นต้นเหตุให้ไฟลุกลามต่อไป

ผ้าที่ทำจากเส้นใยทั่วไป เช่น โพลีเอสเตอร์ หรือไนลอน สามารถผ่านการเคลือบสารกันไฟ (flame retardant chemicals) ในขั้นตอนการทำสำเร็จผ้า (finishing process) กระบวนการผลิตนี้จะทำโดยการชุบหรือพ่นสารเคมีที่มีคุณสมบัติการกันไฟ จากนั้นผ้าจะถูกอบหรือทำให้แห้งเพื่อให้สารเคลือบติดกับเส้นใย สารเคมีที่ใช้ เช่น สารฟอสเฟต (Phosphate) หรือสารโบรมีน (Bromine) ซึ่งสามารถลดการลุกลามของไฟได้

  • ข้อดี: สามารถผลิตผ้ากันไฟจากเส้นใยสังเคราะห์ได้หลากหลายชนิด, กระบวนการผลิตไม่ซับซ้อนเท่าเส้นใย Inherent FR
  • ข้อเสีย: คุณสมบัติการกันไฟอาจลดลงหลังการซักหลายครั้ง หรือการใช้งานเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากสารเคลือบอาจหลุดลอกออก

สามารถสังเกตุว่าผ้าตัวใดของนิทัสมีคุณสมบัติ Flame Retardant จาก


อย่างไรก็ตามผ้าที่มีคุณสมบัติกันไฟลาม เราก็สามารถเชื่อมั่นในคุณสมบัตินั้นได้ พร้อมผลการทดสอบ อันเป็นที่หน้าเชื่อถือในระดับสากล เช่น NFPA 701, EN 13773 เป็นต้น

NFPA 701

NFPA 701 คือมาตรฐานการทดสอบการลามไฟของสิ่งทอที่ใช้ในอาคารที่ออกโดย National Fire Protection Association (NFPA) หรือสมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา มาตรฐานนี้กำหนดวิธีการทดสอบและเกณฑ์การยอมรับสำหรับวัสดุสิ่งทอที่ใช้ในสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น ผ้าม่าน, ผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์, และสิ่งทออื่นๆ ที่อาจมีการติดตั้งหรือใช้งานในอาคาร

NFPA 701 มีสองวิธีการทดสอบหลัก:

  1. Test Method 1 (Method 1): ใช้สำหรับการทดสอบวัสดุสิ่งทอที่มีน้ำหนักเบาและวัสดุที่ใช้ในสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น ผ้าบาง ๆ และวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งงานแสดงสินค้าหรืออีเวนท์
  2. Test Method 2 (Method 2): ใช้สำหรับการทดสอบวัสดุสิ่งทอที่มีน้ำหนักมากกว่าและวัสดุที่ใช้ในภายในอาคาร เช่น ผ้าม่านหนา ๆ และวัสดุที่ใช้ในโรงแรมหรือโรงละคร

ผลการทดสอบตามมาตรฐาน NFPA 701 จะระบุว่าวัสดุสิ่งทอนั้นผ่านหรือไม่ผ่านเกณฑ์การลามไฟที่กำหนด ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการเลือกใช้งานวัสดุในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความปลอดภัยจากอัคคีภัย


EN 13773

EN 13773 “Textiles and textile products – Curtains and drapes – Flammability classification” มาตรฐานยุโรปกำหนดวิธีการทดสอบและการจัดประเภทความสามารถในการต้านทานการลามไฟของผ้าม่านและผ้าที่ใช้ในงานตกแต่งภายในอาคาร เช่น ผ้าม่านและผ้าคลุมต่าง ๆ

วิธีการทดสอบ: มาตรฐานนี้กำหนดวิธีการทดสอบความสามารถในการต้านทานไฟของวัสดุอยู่ในท่าตั้งฉาก หลังจากการสัมผัสกับแหล่งไฟ


NF P92-507

NF P92-507 “Fire classification of construction products and building elements – Part 5: Classification using data from external fire exposure to roofs tests” เป็นมาตรฐานของฝรั่งเศสที่กำหนดวิธีการทดสอบความสามารถในการต้านทานไฟของวัสดุสิ่งทอที่ใช้ในการตกแต่งภายในอาคาร มาตรฐานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดระบบการทดสอบและการจัดประเภทวัสดุต้านทานไฟในฝรั่งเศส โดยมีการจัดระดับจาก M0 – M4 ซึ่ง M0 หมายถึงวัสดุที่ไม่ติดไฟ และ M4 หมายถึงวัสดุที่ติดไฟได้ง่ายที่สุด

วิธีการทดสอบ: มาตรฐานนี้กำหนดวิธีการทดสอบความสามารถในการต้านทานไฟของวัสดุโดยใช้เปลวไฟขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ และวัดการลามไฟ ความสามารถในการติดไฟ และการเกิดควัน

การจัดอันดับ: การทดสอบจะให้คะแนนวัสดุตามระดับการลามไฟ โดยใช้ระบบการจัดระดับ M ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้:

  • M0: วัสดุไม่ติดไฟ
  • M1: วัสดุติดไฟได้ยาก
  • M2: วัสดุติดไฟได้ปานกลาง
  • M3: วัสดุติดไฟได้ง่าย
  • M4: วัสดุติดไฟได้ง่ายมาก

มาตรฐาน NF P92-507 เป็นการรับรองว่าวัสดุที่ใช้มีความปลอดภัยต่อการลามไฟ ซึ่งมีความสำคัญในการป้องกันอัคคีภัยในอาคารและพื้นที่สาธารณะ